Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2549
ขอโตแค่ 3 เท่า             
โดย ณัฐวัฒน์ หอมจิตต์
 


   
www resources

โฮมเพจ อาปิโก ไฮเทค

   
search resources

อาปิโก ไฮเทค, บมจ.
เย็บ ซู ชวน
Auto-parts




ถึงแม้แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้จะไม่สดใสนัก แต่อาปิโก ไฮเทคยังมั่นใจและขยายการลงทุนต่อเนื่อง

"This year is the year of actions." เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) กล่าวประโยคดังกล่าวเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ เหมือนไม่สะทกสะท้านกับปัจจัยลบที่กระหน่ำเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันขึ้นราคา ดอกเบี้ยขาขึ้น ไปจนถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

อาปิโก ไฮเทค เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับค่ายรถยนต์ทั้งจากฝั่งญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป อาทิ นิสสัน อีซูซุ โตโยต้า ฟอร์ด และวอลโว่ โดยโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา

สิ่งที่สะท้อนถึง actions ที่เย็บ ซู ชวนกล่าวถึงชัดเจนที่สุดก็คือ การประกาศโครงการร่วมทุนทีเดียว 3 รายการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา

โครงการแรก อาปิโกจะตั้งบริษัท อาปิโก มิตซุยเกะ ด้วยการร่วมทุนกับมิตซุยเกะ คอร์ปอเรชั่น จากญี่ปุ่น ซึ่งอาปิโกจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% จากทุนจดทะเบียน 33 ล้านบาท บริษัทร่วมทุนแห่งนี้จะทำการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงส่งให้กับนิสสัน โดย ใช้โนว์ฮาวจากมิตซุยเกะ ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ผลิตชิ้นส่วนส่งให้กับนิสสันมากว่า 60 ปี

บริษัทแห่งนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของอาปิโกที่จะเพิ่มยอดขายจากนิสสันได้มากขึ้น โดยแผนงานที่นิสสันได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ระบุว่า ในปี 2551 นิสสันจะออกรถยนต์ ในประเทศไทยจำนวน 10 รุ่น และจะเพิ่มยอดการผลิตเป็น 200,000 คันต่อปี เพื่อขายในประเทศ 120,000 คันและส่งออก 80,000 คัน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้สัดส่วนรายได้จากนิสสันเพิ่มขึ้นเป็น 25% ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้นิสสันได้ซื้อชิ้นส่วนรถยนต์จากอาปิโก กว่า 100 ชิ้น และจะเริ่มทำการผลิตตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป

สำหรับโครงการที่สอง อาปิโกร่วมกับแจ็คสปีด คอร์ปอเรชั่น จากสิงคโปร์ ตั้งบริษัท อาปิโก แจ็คสปีด ในสัดส่วนถือหุ้น 60% และ 40% ตามลำดับ บริษัทแห่งนี้จะทำการผลิตอุปกรณ์เสริมและตกแต่งสำหรับรถกระบะ โดยใช้โนว์ฮาวจากแจ็คสปีด ซึ่งเป็นผู้นำตลาดด้านนี้ในประเทศสิงคโปร์

สาเหตุที่อาปิโกสนใจในธุรกิจนี้เนื่องจากมีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วน (OEM) ที่ทำอยู่ โดยมีมาร์จิ้นขั้นต่ำ 30% ขึ้นไปและในปีแรกอาปิโก แจ็คสปีดจะมียอดขาย ถึง 200 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มีออร์เดอร์อยู่แล้ว

อีกหนึ่งโครงการที่อาปิโกประกาศออกมาก็คือ การตั้งบริษัท คัตซึย่า อินเตอร์เนชั่น แนล ไพรเวท โดยถือหุ้นร่วมกับคัตซึย่า ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่อาปิโกถือหุ้นสัดส่วน 51% คัตซึย่าทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารรถยนต์ในประเทศไทยและอินเดีย ซึ่งจากการทำข้อตกลงร่วมกับ Motherson ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีการเติบโตสูงในอินเดีย ทำให้อาปิโกสามารถเข้าไปทำตลาดในประเทศอินเดียได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย

ถึงแม้จะขยายการลงทุนเพิ่มขนาดนี้ แต่เย็บ ซู ชวน ยังไม่วายทิ้งท้ายว่าในปีนี้ อาปิโกอาจจะมีดีลใหม่ๆ ออกมาอีกให้สมกับเป็นปีแห่ง actions เพื่อหวังดันยอดขายให้โต เป็น 3 เท่าภายในปี 2553 ซึ่งเขาเชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ เพราะในระหว่างปี 2544-2548 ยอดขายของอาปิโกโดดเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 1,000 ล้านบาทจนมาแตะ 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่าเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ก็สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ถือหุ้นไม่น้อย เพราะถึงแม้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นจาก 1,870 ล้านบาท มาเป็น 1,926 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิกลับลดฮวบจาก 205 ล้านบาท เหลือเพียง 114 ล้านบาท เท่านั้น ทำเอานักลงทุน ตกใจพากันขายหุ้นจนราคาร่วงลงกว่า 50% แถมยังทำราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปีและต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีอีกด้วย

อาปิโกแจงสาเหตุของกำไรที่ร่วงลงครั้งนี้ว่าเป็นผลมาจากการให้ส่วนลดของการขายชิ้นส่วนช่วงล่างรถกระบะให้กับอีซูซุ คิดเป็นเงินประมาณ 108 ล้านบาท และเชื่อว่าผลดำเนินงานในไตรมาสที่เหลือของปีนี้จะดีขึ้น

แต่คณะกรรมการของอาปิโกก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องราคาหุ้นที่ทรุดตัวลง เพราะการประชุมคณะกรรมการในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 28.236 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นทั้งหมด โดยเตรียมเงินเพื่อการนี้เอาไว้ถึง 847 ล้านบาท ให้เหตุผลว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินและช่วยให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นสูงขึ้นด้วย

ความพยายามของอาปิโกทั้งในเรื่องขยายการลงทุนและโครงการซื้อหุ้นคืนได้รับการตอบรับในทางที่ดีจากนักวิเคราะห์หลายโบรกเกอร์ อาทิ บล.โกลเบล็ก บล.กิมเอ็ง และ บล.นครหลวงไทยที่ระบุว่าถึงแม้โครงการร่วมทุนที่ประกาศออกมาจะยังไม่เห็นผลในปีนี้แต่ถือว่าระดับราคาหุ้นอาปิโกในปัจจุบันมีความเสี่ยงต่ำสามารถซื้อเพื่อลงทุนได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us