|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2549
|
|
ความปรารถนาประการหนึ่งของเจริญ รุจิราโสภณ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ส.ขอนแก่น ก็คือการส่งออกแหนมและหมูยอของ ส.ขอนแก่น ออกไปตีตลาดต่างประเทศ ถึงแม้วันนี้จะสามารถส่งออกไปยังฮ่องกงได้เพียงแห่งเดียว เพราะที่อื่นยังมีความกังวลในปัญหาโรคปากและเท้าเปื่อยในประเทศไทย แต่เขายังมีความหวังว่าถ้าสามารถทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นได้ ตลาดน่าจะโตขึ้นอีกมาก
"ตอนนี้ตลาดขายได้ปีละหลายร้อยล้านบาท แต่จริงๆ น่าจะโตมากกว่านี้อีกเยอะ เหมือนซาซิมิของญี่ปุ่น ปีหนึ่งๆ มูลค่าเป็นแสนล้านบาท สินค้าประเภทนี้ของเรายังขาดการประชาสัมพันธ์ ทำให้คนไม่มั่นใจและตลาดก็เลยไม่โต" เจริญกล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าหากพัฒนาคุณภาพสินค้าจนได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับก็น่าจะมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ส.ขอนแก่น ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบบรรจุหีบห่อเสียใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีจากเยอรมนีผสานกับไอเดียของส.ขอนแก่นเองทำให้ได้เครื่องจักรรุ่นใหม่สำหรับการบรรจุหีบห่อที่รวม 4 ขั้นตอนการผลิตเอาไว้ในเครื่องเดียว ลดการใช้แรงงานคนและสามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่องเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งมีความแม่นยำในการชั่งน้ำหนักและสามารถคัดสิ่งปลอมปนที่เป็นโลหะออกได้อีกด้วย
"แหนมเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้คนมากและเพิ่มกำลังผลิตมากก็ไม่ได้ เพราะคุณภาพจะตก เป็นปัญหาที่เราเจอมาตลอด 20 ปี ที่ผ่านมาเราต้องขึ้นป้ายรับสมัครคนงานเอาไว้ที่หน้าโรงงานตลอดเวลา แต่พอใช้เครื่องจักรนี้แล้วจากเดิมใช้ 100 คน ก็ลดเหลือ 4 คนเท่านั้น" เจริญเล่าถึงข้อดีประการหนึ่งของเครื่องจักรใหม่ที่นำมาใช้
ปัจจุบันสินค้าของ ส.ขอนแก่น ที่เปลี่ยนเป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่แล้ว ได้แก่ แหนมและไส้กรอกอีสาน หลังจากนี้จะทยอยปรับสินค้าทุกชนิด ให้เป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับการทำตลาดต่างประเทศ ที่จะเริ่มส่งไปวางจำหน่ายที่เวียดนาม ลาว และกัมพูชาในเร็วๆ นี้
นอกจากผลิตภัณฑ์เนื้อหมูแปรรูปแล้วในปีที่ผ่านมา ส.ขอนแก่น ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์หมูแผ่นบาร์บีคิวอบกรอบและหมูอบปรุงรส ยี่ห้อ "อองเทร่" คาดว่าจะทำยอดขายได้ถึง 300 ล้านบาท ภายในสิ้นปีหน้า
เจริญให้เหตุผลของการแตกไลน์มาสู่อองเทร่ ซึ่งเป็นสินค้าในหมวดของขบเคี้ยวว่า เนื่องจากตลาดของขบเคี้ยวมีมูลค่าสูงถึงปีละประมาณ 12,000 ล้านบาท และยังมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่ากลุ่มสินค้า เนื้อหมูแปรรูปที่เป็นสินค้าหลักของส.ขอนแก่นในปัจจุบัน
ก่อนหน้าที่จะมาก่อตั้งส.ขอนแก่นในปี 2527 เจริญเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในธุรกิจอาหารแปรรูปจากหมูและไก่อยู่ที่เครือ ซี.พี. ประมาณ 10 ปี และเกิดไอเดียมาจากสโลแกน "เรายกทะเลมาไว้ที่นี่" ของซีฟู้ดมาร์เก็ตในสมัยนั้น จึงได้นำสินค้าจากขอนแก่นมาวางจำหน่ายในกรุงเทพฯ และเป็นที่มาของแบรนด์ ส.ขอนแก่น โดย ส. คือ สินค้า ส่วนขอนแก่นก็มีที่มาจากต้นกำเนิดสินค้านั่นเอง
|
|
|
|
|