Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2538
"มีเดีย ออฟ มีเดียส์ เมื่อ "การตลาด" ช่วยแต่งตัวเข้าตลาดหุ้น"             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

มีเดีย ออฟ มีเดียส์, บมจ.
โฆษิต สุวินิจจิต
ยุวดี บุญครอง
TV




"มีเดีย ออฟ มีเดียส์" ของสามีภรรยา "โฆสิต สุวินิจจิต" และ "ยุวดี บุญครอง" กำลังเป็นอีกฉากหนึ่งของธุรกิจบันเทิง ที่สามารถนำพาบริษัทให้เติบใหญ่อย่างรวดเร็ว จากบริษัทโบรกเกอร์ขายเวลาโฆษณาทีวี กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตและนำเข้ารายการโทรทัศน์รายใหญ่และอาจนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในเวลาไม่นานนี้

"เราไม่ได้รีบแต่งตัวเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใดนะครับ และก็คงพูดเช่นนั้นไม่ได้" โฆสิต สุวินิจจิต ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือ บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด(มหาชน) หรือเรียกสั้น ๆ ว่ามีเดียกรุ๊ป กล่าวทักทายเป็นประโยคแรกกับ "ผู้จัดการ"

"โฆสิต สุวินิจจิต" ประธานกรรมการบริหารและยุวดี บุญครอง กรรมการผู้จัดการ มีเดียกรุ๊ป หรือในชื่อที่รู้จักกันดี "มีเดีย ออฟ มีเดียส์" เขาและเธอใช้วิชาอะไรหรือ ถึงสามารถนำพามีเดียกรุ๊ปเข้าตลาดได้ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงผู้จัดและผลิตรายการทีวีซึ่งทุกคนพูดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่แน่นอน แถมยังสามารถดึง 5 นักบริหารมืออาชีพมาเป็นที่ปรึกษาได้ ยังไม่นับที่จะเข้ามาเสริมอีกในสิ้นปี

กลยุทธ์ที่ทั้งสองใช้คือ "การตลาด" แบบเต็มขั้น

เพียงกลยุทธ์ 4 P ซึ่งเป็นพื้นฐานการตลาดทั่วไปเท่านั้น ที่โฆสิตและยุวดีนำมาใช้ กลยุทธ์เพียงแค่นี้ทำไมถึงสามารถครองตลาดรวมได้

โดยเขาและเธอเล่าถึง 4P หรือ การตลาดผสมนี้ก็คือ Product Price Place Promotion สินค้าคุณภาพอย่างไร ราคาเหมาะสมกับคุณภาพหรือไม่ช่องทางจัดจำหน่ายดีแค่ไหน แล้วประสบการณ์ตลาดมีพร้อมที่จะวิ่งเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องดีแล้วหรือเปล่า และที่สำคัญฝ่ายการตลาดก็ต้องพร้อมที่จะแนะนำข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมเหล่านี้ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไม่ผิดพลาด

นี่คือ "กลยุทธ์ทางการตลาดนำสินค้า" ที่โฆสิต นำมาใช้กับสินค้าหรือรายการทีวีต่าง ๆ ของเขาทั้งหมด และย้ำด้วยว่า นี่เป็นหัวใจของเขาเลยทีเดียว

เขาอธิบายต่ออีกว่า "พฤติกรรมคนดูทีวีใช้รีโมทคอนโทรลขณะนี้ อย่าไปคิดว่าเขาเลือกช่อง อย่าไปคิดว่าเขาเลือกฮาร์ดแวร์ เขาเลือกโปรแกรมรายการครับ ฉะนั้นซอฟต์แวร์ก็คืออนาคตที่จะต้องใส่ใจยิ่งเมื่อทีวีจะมีถึง 100 ช่องในอนาคต ผู้ชมก็คงไม่มีเวลาดูทั้งหมดได้ คงต้องดูตามโปรแกรมที่มีเรื่องคุณภาพ"

"มีเดียกรุ๊ปมาทีหลัง เราสามารถเอาชนะที่หนึ่งได้หลายรายการ ดิฉันคิดว่าทีวีเป็นธุรกิจที่สนุก แล้วผลประโยชน์จริง ๆ ก็จะกลับไปสู่ผู้บริโภค เป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมมาก ๆ เพราะเราจะบังคับคนดูไม่ได้เลย สิ่งพิมพ์บางทียังมีการบังคับแผงได้" ยุวดี อธิบายเสริม

จากคำกล่าวของยุวดีและโฆษิตเป็นคำตอบได้ว่า เรื่องรายการของมีเดียกรุ๊ป แม้ไม่ดีมากนัก แต่ก็สามารถสร้างแรงดึงดูดต่อโฆษณาได้

แต่ก็มีอีกรูปแบบหนึ่งที่มีเดียกรุ๊ปได้กระทำ นั่นคือ นโยบายการขายแบบแพ็คเกจ คือเมื่อลูกค้าซื้อโฆษณาในรายการหนึ่งของมีเดียกรุ๊ป โฆษณาของลูกค้าชิ้นนั้นก็อาจจะสามารถไปวางอีกรายการหนึ่งที่ตรงกลุ่มเป้าหมายได้ ในราคาที่พิเศษ เป็นเช่นนี้ทุกรายการ

เขาเล่าต่อว่า เป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้นเอง โดยยกตัวอย่างกรณีมีคนขายไข่อยู่โดยขายเป็นปกติทุกวัน บังเอิญวันนั้นฝนตก ไข่เหลือ จะทำอย่างไร จะเก็บไว้ไข่ก็มีโอกาสเน่าได้ ก็ต้องขายออกไป จะด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะ ลด แลก แจก แถม เป็นธรรมชาติ แล้วทุกคนเขาก็คิดกันอย่างนี้และทำกันมานานแล้ว เพียงแต่ว่าใครจะใช้วิธีไหน รถยนต์บางที่ก็ไม่มีดาวน์ ไม่คิดดอกเบี้ยบ้าง มันเป็นกลไกธรรมชาติของอุปสงค์-อุปทาน ดีมาน-ซัพพลาย และสภาวะตลาดขณะนั้น เราต้องไม่ฝืนสภาวะตลาด

"เมื่อไหร่ ฝ่ายที่เป็นคู่แข่งไม่บ่นแสดงว่าผมทำผิดแล้ว เพราะส่วนแบ่งตลาดผมโดนเขาแบ่งไป เมื่อไหร่เขาบ่นแสดงว่าเราทำถูกแล้ว คือเราได้มาร์เก็ตแชร์เขา ฉะนั้นเรื่องกลไกการตลาด หากจะสังเกตให้ดีพวกที่บ่น ๆ นี้ พวกเขาไม่ได้เอาการตลาดมานำการขาย (Marketing Lead Sale) ถ้าเขาทำ เขาจะมองเห็นถึงจุดนี้ แล้วผมคิดว่าที่มีเดียฯ ได้ลูกค้ามากมายตลอดเพราะเน้นเรื่องนี้ และเมื่อนำมาประยุกต์ได้สำเร็จเมื่อใดก็จะเห็นลู่ทางอะไรอีกเยอะและสามารถคำนวณได้เลยว่าทั้งปี เขาจะทำอย่างไรให้มันได้กำไรถ้าเขาเอาตัวเลขต่าง ๆ มาวิเคราะห์ นี่มันเป็นสัจธรรม เป็นเรื่องการตลาดจริง ๆ อย่ามาบอกว่าผมกวนน้ำขุ่น น้ำไม่ได้ขุ่นเลย" โฆษิต ชี้แจงด้วยอาการจริงจัง พร้อมเล่าถึงอดีตว่า

มีเดียกรุ๊ปเป็นกลุ่มบริษัทที่เริ่มมาจากเล็ก ๆ วันที่เขาเข้ามาในวงการใหม่ ก็ไม่มีรายการสักรายการเดียว ทุกคนบอกเขาว่า เขายังเล็ก ปลายแถว ไม่คุยด้วย รายการของเขาอยู่อันดับ 10 ในอดีตโฆษณาไม่ค่อยเข้า เขาจึงพัฒนาตัวเองให้ขึ้นมาเป็นที่ 1 หรือ 2 หรือ 3 ให้ได้ โดยใช้นโยบายการตลาดนำการขาย ซึ่งกลไกนี้เขาเชื่อว่าทำให้ประเทศเจริญ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเสรี ต้องแข่งขันกัน จะเรียกว่าเป็นเคล็ดลับก็ไม่ใช่มันเป็นแนวทางที่ทำถูกมากกว่า

อีกภาพหนึ่งที่ถูกรังสรรค์เพื่อให้ดูเป็นฐานที่แน่นของมีเดียกรุ๊ป นั่นคือ การเข้าไปดำเนินและร่วมหุ้นในบริษัทย่อย ตั้งแต่บริษัทเอ็ม สแควร์เอนเตอร์เทนเมนท์ 69.95% จากทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท, บริษัท อัครมีเดีย 75% จากทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท, บริษัท เอ็มแอนด์ดีเอนเตอร์เทนเม้น 80% จากทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท, บริษัท เอ็มโอเอ็ม คอร์ปอร์เรชั่น 80% จากทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท, บริษัท มีเดียเอ็ดดูเคชั่น 80% จากทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท, บริษัท คอนซูเมอร์อมิวเมนท์เซลส์ 40% จากทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และบริษัททีวีทันเดอร์อีก 30% จากทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ทำให้ความหนักแน่นของกลุ่มมีมากขึ้น

ที่สำคัญคือ "มืออาชีพ" มีเดียกรุ๊ประดมมืออาชีพการตลาดครั้งใหญ่มาเป็นทั้งที่ปรึกษาและผู้บริหารบริษัท

มืออาชีพเหล่านั้น ได้แก่ ศจ. (พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา, ภัทราวดี มีชูธน ที่ปรึกษาด้านผลิตรายการ, มานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านการตลาด/การจัดจำหน่าย, ประดิษฐ์ รัตนวิจารณ์ ที่ปรึกษาด้านการโฆษณา/ประชาสัมพันธ์ และดร.ไชยา ยิ้มวิไล ที่ปรึกษาด้านการบริหารงาน/บุคคล

ไม่ว่ามีเดียกรุ๊ปจะมีเป้าหมายในอนาคตว่าจะเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่ของไทยหรือของภูมิภาค แต่ ณ วันนี้ ขอมีเดียกรุ๊ปเข้าตลาดหุ้นก่อนก็แล้วกัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us