|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2549
|
|
สิ่งหนึ่งที่คนในตระกูลว่องกุศลกิจกำลังให้ความสนใจมากในขณะนี้คือการจัดการภายในตระกูล ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่สะสมกันมาจากรุ่นที่สองไปยังรุ่นถัดไป หรือแม้แต่การผสมผสานลูกหลานที่ต้องการสานต่อธุรกิจของตระกูลเข้ากับมืออาชีพจากภายนอก โดยที่ไม่ขัดต่อความพยายามสร้างองค์กรให้ได้มาตรฐานและเป็นมืออาชีพ
จากคู่สมรสชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากในเมืองไทยเป็นว่องกุศลกิจรุ่นแรก ทายาทในรุ่นที่ 2 มีจำนวน 8 คนด้วยกัน เริ่มจากกุศล (เสียชีวิตแล้ว) กมล (ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ น้ำตาลมิตรผล) สุนทร (ประธานกรรมการ น้ำตาลมิตรผล) วิมล (ทำการเกษตร) วิฑูรย์ (ดูแลดิ เอราวัณ กรุ๊ป) พญ.ลักษมี (บริหารงานโรงพยาบาลสายไหม) อิสระ (กรรมการผู้จัดการใหญ่ น้ำตาลมิตรผล) และชนินท์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ้านปู)
ทั้ง 8 คนนี้ล้วนคุ้นเคยกับไร่อ้อยเป็นอย่างดี เพราะชีวิตวัยเด็กต้องช่วยครอบครัวทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงที่ต้องมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ แล้วก็ตาม
"ผมมาเรียนอยู่อำนวยศิลป์ เรียนธรรมศาสตร์ ผมก็ยังต้องไปช่วยงาน หยุด weekend บางทีผมก็เข้าไปไร่อ้อย ปิดเทอมก็ไปช่วย ก็ช่วยเท่าที่เราทำได้ ถือเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง" ชนินท์ ว่องกุศลกิจ น้องคนเล็กของตระกูลเล่ากับ "ผู้จัดการ"
ด้วยฐานะที่ยังไม่ดีนักในช่วงเริ่มต้น ทำให้พี่ๆ 4 คนแรกของว่องกุศลกิจไม่ได้เรียนหนังสือถึงระดับปริญญา เพราะต้องออกมาช่วยครอบครัวทำงาน อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงผลักดันของแม่ที่เห็นคุณค่าของการศึกษาอย่างยิ่งยวด จึงพยายามส่งให้ลูกได้เรียนตั้งแต่รุ่นวิฑูรย์เป็นต้นมา
"พี่วิฑูรย์เป็นคนแรกที่ได้เรียน จากนั้นก็เรียนกันทุกคน จากคนแรกๆ ที่เรียนน้อย พอมาคนหลังๆ นี่คือผลักดันให้เรียนเต็มที่ ช่วงหนึ่งคุณแม่ถึงกับทิ้งงานเพื่อจะมาอยู่กับลูกๆ ให้ลูกๆ ได้เรียนหนังสือ" ชนินท์ย้อนอดีตให้ฟัง
ผลจากแรงผลักดันของแม่ส่งให้วิฑูรย์จบการศึกษาปริญญาตรีเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พญ.ลักษมีจบแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อิสระจบด้านบริหารธุรกิจ จาก North Carolina University สหรัฐอเมริกา ส่วนชนินท์จบเอ็มบีเอด้านไฟแนนซ์ จาก St.Louis University สหรัฐอเมริกา
ขณะนี้ตระกูลว่องกุศลกิจได้ขยายจาก 8 คนพี่น้องจนรวมรุ่นลูกและหลานจะมีอยู่ราว 80 คน ในแต่ละปีจะมีการพบปะสังสรรค์ครั้งใหญ่ของตระกูล 2-3 ครั้งด้วยกัน นอกเหนือจากการประชุมในคณะกรรมการบริษัทต่างๆ ที่พี่น้องแต่ละคนจะมีโอกาสได้เจอกันแทบทุกเดือน ยกเว้นในช่วงที่บางคนมีภารกิจรัดตัวหรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ
"ผมกับคุณอิสระตอนนี้เจอกันแต่ในห้องประชุม ถ้าจะนัดพร้อมหน้ากันต้องนัดคุณอิสระ ให้ได้ก่อน เพราะเขางานเยอะ" วิฑูรย์เล่า
ถึงแม้จะเป็นพี่น้องคลานตามกันมา แต่ความที่อายุของว่องกุศลกิจรุ่นนี้ห่างกันเกือบ 20 ปี (ขณะนี้กมลอายุเกือบ 70 ปี ส่วนชนินท์น้องเล็กอายุ 54 ปี) อีกทั้งยังมีประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างกันไปตามประเภทธุรกิจ ทำให้สไตล์ของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป
"สไตล์การบริหารคน วัฒนธรรมจะไม่คล้ายกันเสียทีเดียว ผมเอง aggressive มากกว่าใคร มันก็จะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน บางที conservative มากไปก็ไม่ได้ทำอะไร aggressive มากไปมันก็อาจจะพลาด ก็มีการปรับเข้าหากันเหมือนกัน" ชนินท์เล่า
ปัจจุบันว่องกุศลกิจรุ่นที่ 3 เริ่มเข้ามาช่วยงานในธุรกิจบ้างแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเข้ามาทำงานที่มิตรผล ทั้งที่เป็นพนักงานและฝึกงาน เช่น ชูศักดิ์ ว่องกุศลกิจ บุตรชายกมล ปัจจุบันรับตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจน้ำตาลของมิตรผลในประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม การเป็นว่องกุศลกิจก็ไม่ได้ช่วยให้ได้สิทธิ์พิเศษที่แตกต่างจากพนักงานคนอื่น เพราะทุกคนต้องสมัครงานตามขั้นตอนปกติและยังต้องดูด้วยว่าบริษัทนั้นมีตำแหน่งให้ด้วยหรือไม่
"ส่วนใหญ่เขาจบมาเขาก็อยากไปหาประสบการณ์ เราไม่ได้กำหนด แล้วแต่ว่าเขาจะอยากมาทำในเครือหรือเปล่า แต่ถ้ามาเขาก็ต้องไปเริ่มตั้งแต่ระดับล่าง ต้องไปสมัคร แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะอุ้มเต็มที่ เขาต้องมีฝีมือด้วย" วิฑูรย์เล่าถึงโอกาสของว่องกุศลกิจรุ่นถัดไป
ส่วนบทบาทของรุ่นที่ 2 ในเวลานี้กำลังเร่งศึกษารูปแบบการจัดการธุรกิจและครอบครัวจากตระกูลต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับการบริหารงานในอนาคต รวมทั้งยังมองไปถึงการเตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นที่ 3 ให้มีความรู้หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานในวันข้างหน้า
"เรากำลังทำกันอยู่ ดูว่าจะเทรนให้ครอบครัวเรามีความรู้หลายๆ เรื่องได้อย่างไร เรื่องของการบริหาร การลงทุน การเป็นกรรมการที่ดี การคัดเลือกผู้บริหารทำอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ มาทำนอกเหนือไปจากการเรียนรู้จากการทำงานปกติ เราก็คงต้องจัดหลักสูตรเทรนนิ่งให้ อันไหนต้องเรียนลึกลงไปก็คงไปเรียนเพิ่มต่างประเทศ เขาต้องรู้ว่าเทรนด์ในอนาคตไปอย่างไร ความเสี่ยงเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ควรจะต้องให้เขารู้" ชนินท์กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของว่องกุศลกิจรุ่นที่ 2 เวลานี้ก็คงหนีไม่พ้นการคัดเลือกผู้นำน้ำตาลมิตรผลรุ่นต่อไปนั่นเอง
|
|
|
|
|