Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2538
"เธอะ ทวิน ปราจิน แอนด์ ขวัญชัย บทพิสูจน์แฝดต่างฝา ก่อนถึงงานใหญ่"             
 


   
search resources

เธอะ ทวิน ปราจินแอนด์ ขวัญชัย
ปราจิน เอี่ยมลำเนา
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์
Vehicle




"เธอะ ทวิน ปราจินแอนด์ ขวัญชัย" เป็นชื่อที่ยังไม่คุ้นหูกันนัก

แต่ชื่อ "ปราจิน" และ "ขวัญชัย" ดูจะเป็นที่มักคุ้นของผู้คนที่อยู่ในวงการยานยนต์ของเมืองไทย หรือแม้แต่ผู้คนที่ชอบเข้าชมงานแสดงรถยนต์ที่จัดในเมืองไทยตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา

"เธอะ ทวิน ปราจิน แอนด์ ขวัญชัย" คือการร่วมมือทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นทางการครั้งแรกของแฝดต่างฝาคู่นี้

เป็นการร่วมมือที่มีความหมายแฝงอยู่ในตัว !

บริษัท เธอะ ทวิน ปราจิน แอนด์ ขวัญชัย จำกัด หรือ "THE TWIN PRACHIN & KWANCHAI" มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาทถือหุ้นโดยปราจิน เอี่ยมลำเนา 32%, ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ 32% และญี่ปุ่น 15% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นชาวไทย ซึ่งเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงของทั้งปราจินและขวัญชัย

กิจกรรมทางธุรกิจที่จะประเดิมบริษัทแห่งนี้คือ การนำเข้าสินค้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ปิกอัพ ที่เน้นในด้านของปิกอัพ ที่เน้นในด้านของปิกอัพขับเคลื่อนสี่ล้อโดยเฉพาะ

ขวัญชัยมองเห็นว่า ธุรกิจด้านนี้ในเมืองไทยยังมีไม่มากนัก ประกอบกับตลาดรถยนต์ออฟโรด และปิกอัพขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังจะกลายเป็นตลาดใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จึงน่าที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจในส่วนนี้

"ที่ผ่านมาตลาดรถขับเคลื่อนสี่ล้อในบ้านเรายังไม่เป็นที่นิยมกันมากนัก แต่นับจากนี้ไป คาดว่าตลาดส่วนนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้น การเข้ามาจับตลาดประดับยนต์หรือชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ปิกอัพขับเคลื่อนสี่ล้อ จึงคิดว่าน่าจะไปได้"

การจับมือกับทางญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้ผลิตและนำเข้าสินค้ามาป้อนให้นั้น ขวัญชัยมองว่า กิจการจะไม่หยุดแค่การนำเข้ามาจำหน่ายเพียงเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงอนาคตถ้าหากวันใดธุรกิจบูมขึ้นมา ก็พร้อมที่จะขยายงานจนถึงภาคการผลิตขึ้นในประเทศ

และถ้ามองถึงทิศทางข้อจำกัดเรื่องต้นทุนของภาคการผลิตในประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วยแล้ว ความเป็นไปได้ที่การลงทุนผลิตสินค้าลักษณะนี้จะเกิดในไทยก็มีอยู่สูง

ขวัญชัยไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้นั้น

"จริง ๆ แล้วเราก็มองไปถึงขั้นนั้นเหมือนกัน เพียงแต่ว่ายังเป็นเรื่องในอนาคตอีกมาก"

การที่ขวัญชัยและปราจินเข้ามาสู่ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าเช่นนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในแวดวงด้านยานยนต์มานาน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าจริง ๆ แล้วทั้งคู่กำลังคิดอะไร

อาจกล่าวได้ว่าปราจินและขวัญชัยเป็นเพื่อนสนิทที่มีวิถีความเป็นเพื่อนที่แปลกมาก

ปราจิน มีธุรกิจเท่าที่ทราบกันดีก็คือ การจัดงานแสดงรถยนต์ในนามมอเตอร์โชว์ ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี ช่วงเดือนเมษายน ณ สวนอัมพร, มีธุรกิจสิ่งพิมพ์ประเภทนิตยสารอยู่ในเครือหลายเล่ม และธุรกิจสนามแข่งรถยนต์ที่รู้จักกันในนามสนามพีระเซอร์กิต

ขวัญชัย มีธุรกิจคล้ายคลึงกับปราจินมาก ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงรถยนต์ในนามมหกรรมรถยนต์ช่วงปลายปี ณ เซ็นทรัลพลาซา มีธุรกิจสิ่งพิมพ์ประเภทนิตยสารในเครือหลายเล่ม ที่โด่งดังก็คือนิตยสารเกี่ยวกับยานยนต์ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับปราจิน

ธุรกิจของทั้งสองดูเหมือนจะเป็นคู่แข่งกันอย่างมาก และเป็นคู่แข่งที่เป็นเจ้าตลาดทั้งคู่
แต่ทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน

และจึงไม่น่าแปลกเลยเมื่อเกิดคำถามมากมาย ทันทีที่มีข่าวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่าทั้งคู่จะร่วมกันจัดงานแสดงรถยนต์ให้เป็นงานเดียวของปี

ปราจินเล่าให้ฟังว่า เขากับขวัญชัย รู้จักกันมานับสิบปี แต่ช่วงก่อนหน้านั้นก็เป็นเพียงการรู้จักในลักษณะของผู้ที่ร่วมอยู่ในวังวนธุรกิจลักษณะเดียวกันเท่านั้น

การที่ต้องแข่งขันในเชิงธุรกิจ น่าที่จะทำให้ทั้งคู่กลายเป็นศัตรูกันมากกว่า แต่จากบุคลิกนิสัยของ ปราจินและอาจจะรวมถึงของขวัญชัยด้วย ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นมิตรกัน

"ความเป็นเพื่อนเริ่มมาสนิทกันเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมาหลังจากที่เราไปทำข่าวต่างประเทศกันบ่อย ๆ ได้คุยกันที่สุดก็สนิทกัน" ปราจินกล่าว

เมื่อปราจินกับขวัญชัยคบค้าเป็นเพื่อนสนิทกันเช่นนี้ จึงทำให้ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่กลายเป็นการเสริมสร้างอิทธิพลให้แก่กันและกันไปโดยปริยาย

ไม่มีใครปฏิเสธว่าปราจินและขวัญชัยมีอิทธิพลเพียงใดในแวดวงยานยนต์เมืองไทย

แต่แม้จะคบค้ากันมาหลายปี การจับมือทางธุรกิจก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะงานใหญ่ อย่างการรวมงานแสดงรถยนต์เป็นงานเดียวไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ แนวคิดการบริหารและดำเนินงาน

ที่สำคัญการร่วมและแบ่งสรรผลประโยชน์

"ร่วมธุรกิจครั้งนี้ก็เพื่อดูว่าไปกันได้หรือไม่ ก่อนที่จะไปถึงงานใหญ่" ปราจิน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา

การจับมือระหว่างขวัญชัยและปราจินครั้งแรกนี้ มีความหมายเพียงอย่างเดียว

เพื่อเป็นบทพิสูจน์ อีกครั้ง ของปราจิน ในการทำธุรกิจกับเพื่อน

ที่สำคัญเป็นความรอบคอบ ก่อนที่จะถึงงานใหญ่ในวันข้างหน้า

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us