p> การหาทางออกเรื่องอะไหล่ นอกจากการซื้ออะไหล่ใหม่จากร้านค้าปลีก ซึ่งจะได้ลดเปอร์เซ็นต์มากกว่าการให้ศูนย์บริการจัดการแล้ว
ยังมีทางออกอีกทางหนึ่ง
อะไหล่เก่า เชียงกง !
"ของที่นี่ทุกชิ้นสภาพเกือบเหมือนใหม่ หรืออย่างน้อยก็มีสภาพมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ขณะที่ราคาจะต่ำกว่าของใหม่ที่บริษัทรถยนต์ขายหลายเท่าตัว อย่างเพลาขับหน้าที่นี่คู่ละเจ็ดพันบาท
ของใหม่ บริษัทรถยนต์ขายเกือบสามหมื่นบาท" เจ้าของร้านค้าชิ้นส่วนเก่ารายหนึ่งในเชียงกง
ปทุมวัน กล่าว
สำหรับเรื่องของคุ
ณภาพสินค้านั้น เถ้าแก่คนนี้กล่าวว่า "เรื่องคุณภาพ พิสูจน์ยาก ว่าใครดีกว่า
แต่ที่แน่ ๆ ของเก่าที่นี่คือของที่ถอดมาจากรถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งคุณก็น่าจะรู้ว่ารถยนต์ญี่ปุ่นผลิตที่ญี่ปุ่นเพื่อขายให้คนญี่ปุ่นใช้
คือเกรดที่ดีที่สุดในโลกของเก่าที่นี่บางชิ้นการใช้งานทั้งเรื่องคุณภาพ และอายุ
ดีกว่าชิ้นส่วนใหม่ที่บริษัทจำหน่ายก็ยังมีเลย"
ทุกวันนี้ตลาดถ้าอะไหล่เก่า สำหรับรถยนต์ หรือที่เรียกติดปากว่าเชียงกงนั้น
มีอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ปทุมวัน โอเดียน หรือหลักสี่ และกำลังจะเกิดขึ้นอีก
2 จุดริมถนนบางนา-ตราด ช่วงกิโลเมตรที่ 12 และ 17 นอกจากนี้ยังมีร้านค้าอะไหล่เก่าที่กระจัดกระจายไปตามแหล่งต่าง
ๆ ไม่รวมเป็นศูนย์ค้าอะไหล่เก่า ก็มีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณสวนผัก
ตลิ่งชัน,ริมถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ช่วงตัดถนนวงแหวนรอบนอก หรือที่ริมถนนรามอินทรากิโลเมตรที่
8
ทางด้านราคาจำหน่ายอะไหล่เก่าในแต่ละทำเล ก็จะมีราคาแตกต่างกันไปด้วย โดยร้านที่อยู่ในละแวกกลางเมืองหรือเป็นศูนย์ค้าอะไหล่เก่า
จะมีราคาสูงกว่าร้านที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง ทั้งนี้น่าจะมาจากสาเหตุในเรื่องต้นทุน
ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายของร้านที่อยู่กลางเมืองจะต้องสูงกว่า และอีกประการก็คือ
การจับกลุ่มเป็นศูนย์ค้าไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตามจะมีการตั้งราคากันไว้ระดับหนึ่ง
ซึ่งทำให้ทุก ๆ ร้านในศูนย์ค้าอะไหล่เก่าที่รวมตัวกันมีราคาต่างกันไม่มาก
ซึ่งแน่นอนว่าจะสูงกว่าร้านค้าอะไหล่เก่า ที่แยกตัวไปอย่างโดดเดี่ยว แต่ด้านผู้ซื้อก็คงได้ความสะดวกเพราะที่ศูนย์ค้าจะมีของให้เดินเลือกได้มากกว่า
ความต่างของราคาระหว่างร้านค้าที่แยกตัวมาและอยู่ชานเมือง กับที่อยู่ในศูนย์การค้ากลางเมือง
อย่างเช่น เพลาขับหน้าที่กล่าวถึงข้างต้น ร้านค้าในเชียงกงที่ปทุมวันขายคู่ละ
7,000 บาท แต่ที่รามอินทรา เราอาจจะพบว่าขายคู่ละ 3,500 บาท หรือเต็มที่ไม่เกิน
4,000 เท่านั้น
หรืออย่าง ตัวเครื่องยนต์ของรถยนต์บางรุ่นในลักษณะครบชุด ที่เชียงกง ปทุมวันขาย
35,000 บาท แต่ที่รามอินทราขาย 16,000 บาท ทั้งสองที่สินค้าอยู่ในสภาพ 80%
ยังมีอีกหลายตัวอย่างที่พิสูจน์ได้ระดับหนึ่งว่าตลาดในเมืองและรวมเป็นศูนย์ค้า
จะมีราคาสูงกว่าร้านค้าที่แยกตัวไป
เรียกว่าได้อย่างเสียอย่างสำหรับร้านค้าอะไหล่เก่าจากญี่ปุ่น แต่ที่แน่ๆ
แม้ว่าจะมีราคาสูง ราคาต่ำ ก็ยังถูกกว่าของใหม่คุณภาพเมืองไทย อยู่วันยันค่ำ
สำหรับสินค้าในตลาดอะไหล่เก่านั้น จะมีทุกอย่าง ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ
น้อย ๆ จนกระทั่งรถยนต์เกือบทั้งคันจำหน่าย
"เคยมีลูกค้า ขับฮอนด้า แอคคอร์ด ปี 90 ถูกชนท้ายยุบไปทั้งแถบ ไปเข้าศูนย์ฮอนด้าเพื่อให้ดึงออก
ที่ศูนย์คิดเจ็ดหมื่นห้าพันบาท ลูกค้าก็เลยมาที่นี่ มาซื้อช่วงท้ายของแอคคอร์ด
รุ่นเดียวกันที่เราตัดมาจากญี่ปุ่น ซึ่งคันที่ตัดมาโดนชนข้างหน้า เอาไปต่อใหม่
ตอนนั้นเราคิดสามหมื่นบาทบวกค่าช่างอีกเต็มที่ไม่เกินสามหมื่น รวมแล้วหกหมื่นบาท
ขณะที่คุณภาพการใช้งานนั้น การต่อใหม่จะดีกว่าแน่นอน" เจ้าของร้านอะไหล่เก่าในเชียงกง
ปทุมวัน ที่เน้นในเรื่องของตัวถังหรือรถยนต์เกือบทั้งคัน และชิ้นส่วนตัวถัง
กล่าวซึ่งในวันที่ "ผู้จัดการ" ทำการสำรวจตลาด ร้านแห่งนี้ได้นำฮอนด้าซีวิค
สามประตู ครึ่งคันท้าย นับจากคานกลางจนท้ายสุดของรถ เข้ามาเพื่อจำหน่าย
อะไหล่เก่า และสินค้าประเภทประดับยนต์มือสองจากญี่ปุ่น ในร้านค้าอะไหล่มีอีกมากมายที่ไม่อาจจะนำมากล่าวถึงได้หมด
แต่ยืนยันได้ว่าที่ตลาดอะไหล่เก่า หรือตามร้านค้าอะไหล่เก่า มีทุกอย่างที่เราต้องการ
และที่สำคัญ บางครั้ง อะไหล่ที่ไม่มีการผลิตในเมืองไทยหรือสินค้าขาดตลาดเพราะไม่มีการสต๊อกไว้
ทำให้ลูกค้าของศูนย์บริการต้องรอการซ่อมรถนานเกินไป ทางศูนย์บริการก็จะเข้ามาซื้ออะไหล่เก่าที่ตลาดเชียงกงด้วยเหมือนกัน
"ลูกค้าของเรามีทั้งผู้ใช้โดยตรง พวกช่างตามอู่รถต่าง ๆ หรืออย่างคนของศูนย์บริการรถยนต์ก็มีมาซื้อ
และที่ซื้อไปเพื่อใส่ให้รถลูกค้าที่มาเข้าศูนย์ก็น่าจะมีเหมือนกัน ซึ่งตรงนี้เราไม่รู้ว่าเขาแจ้งให้ลูกค้าทราบหรือไม่ว่าเป็นอะไหล่เก่า
หรือมีการชาร์จราคากับลูกค้าแค่ไหน" เจ้าของร้านค้าอะไหล่เก่าอีกรายในตลาดเชียงกง
ปทุมวันกล่าวถึงลักษณะของลูกค้า ที่ฟังแล้วต้องวิตกกังวลไม่น้อยกับการค้าที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันลำบาก