สำนักกวดวิชาส่วนใหญ่ยังไม่มีการตื่นตัวเรื่องการเอนทรานซ์ระบบใหม่ หลักสูตรสุดฮิตยังคงเป็นกวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัย
ด้วยวิธีมุ่งทำคะแนนให้ได้สูงสุดตามสายวิชาที่ต้องการ ระบบการกวดวิชาที่พัฒนาไปอีกขั้นก็คือ
การติวเจาะเฉพาะส่วนที่ต้องการ จะเข้าที่ไหนก็ติวเฉพาะแห่งไปเลย
เหมือนอย่างสถาบันอบาคัส ที่มีชื่อและมีระบบติวเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญธุรกิจ
(เอแบค) โดยเฉพาะ ขนาดที่ว่าไม่ติดสามารถรับเงินคืนได้ แต่จากผลที่ผ่านมามีนักเรียนที่มากวดวิชาที่สถาบันอาบาคัส
ไม่สามารถสอบเข้าได้เพียง 10% จากจำนวนผู้เข้ากวดวิชารุ่นละ 70-80 คนก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปหนึ่งขั้นสำหรับการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
สำหรับเนื้อหาวิชาตามหลักสูตรวิชาการทั่วไปของโรงเรียนกวดวิชา ก็ยังคงมีเช่นเดียวกับสถาบันกวดวิชาอื่น
ๆ สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนเพิ่มเติม และเรียนล่วงหน้าด้วยจุดประสงค์ต่าง
ๆ กันไป หรือแม้แต่การกวดวิชาระยะสั้นเพื่อมุ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรง
"ของสถาบันเราถ้าเป็นเอแบคจะรับรองผล 100% แต่ถ้าเป็นเอนทรานซ์จะมีคนมาติวน้อยกว่า
คิดว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการสอบเอนทรานซ์ ของเราก็คงจะเหมือน ๆ เดิม
เพราะเราจะมีชื่อเรื่องติวเข้าเอแบคที่ไม่ได้สอบส่วนกลางอยู่แล้ว คอร์สติวเข้าเอนทรานซ์ก็คงจะไม่เพิ่มมากไปกว่านี้
ตอนนี้ก็มีติวเอนทรานซ์ที่เดียวคือสาขาสยามสแควร์จาก 4 สาขา ที่หน้าเอแบค
ลาดพร้าว และอนุสาวรีย์ชัยฯ" เจ้าหน้าที่โรงเรียนกวดวิชาอบาคัสกล่าว
ทั้งนี้ยังกล่าวด้วยว่า หรือถ้าเป็นไปตามระบบใหม่ หลักสูตรการติวระยะสั้นก็คงจะลดน้อยลงหรือหมดไป
แต่หลักสูตรการเรียนล่วงหน้า และการเรียนเสริมก็คงยังอยู่ เพราะอย่างไรก็ยังมีประโยชน์สำหรับผู้เรียนที่จะมีโอกาสเรียนรู้มากกกว่าในห้องเรียน
แต่ถ้าเป็นการติวข้อสอบมาตรฐานอย่างที่จะมีขึ้นตอนนี้ยังไม่มีความคิดอะไร
เพราะยังไม่ทราบรายละเอียด
โรงเรียนกวดวิชาหลาย ๆ สถาบันส่วนใหญ่ยังไม่มีการตื่นตัวในเรื่องนี้ และเห็นว่าหลักสูตรของตนเองที่มีอยู่ก็เหมาะสมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการสอบระบบเอนทรานซ์ระบบใหม่หรือเก่า
เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการติวเพิ่มเติมหรือเรียนล่วงหน้า ซึ่งก็เกี่ยวข้องการเรียนในวิชาปกติ
ถ้าจะมีผลจริง ๆ ก็คงจะเป็นหลักสูตรระยะสั้นซึ่งคงจะมีความสำคัญน้อยลงเพราะนักเรียนต้องตั้งใจเรียนตลอดทั้ง
3 ปี จะมาดูเอาตอนใกล้สอบเหมือนเดิมไม่ได้อีก
กระนั้นก็ดี เจ้าหน้าที่สถาบันกวดวิชาบางราย ก็ยังเห็นว่า หลักสูตรการติวเข้มเข้ามหาวิทยาลัยในระยะสั้น
ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยก็เป็นสรุปและทบทวนและที่สำคัญคะแนนสอบกลางก็ยังมีเหลืออยู่อีก
50% หรือ 75% ในบางสาขาวิชา
แต่จุดที่ควรระวังก็คือตัวนักเรียนเอง ที่ต้องตระหนักไว้อยู่เสมอ อนาคตตัวเองไม่ได้อยู่ในช่วง
2-3 เดือนสุดท้ายก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ต้องพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพราะนับแต่
พ.ศ. 2542 หรือจะนับถอยหลังไป 3 ปี จะไม่มีใครรับรองผลการเข้ามหาวิทยาลัยให้กับคุณได้ในระยะเวลาการติวเข้มเพียงไม่กี่เดือนก่อนสอบ
สถาบันกวดวิชาหลายแห่ง ไม่มีการวัดความรู้เด็กของกำหนดชั้นเรียนเด็กเลือกชั้นไหนก็ชั้นนั้นได้ตามความต้องการ
ไม่มีการบอกที่มาที่ไปหรือผลที่ได้รับ จะกล่าวถึงก็เพียงในวิชานั้นพูดถึงอะไร
แต่ก็มีหลายแห่งที่ยังมีการตระหนักในเรื่องนี้อยู่มากหนึ่งในนั้นคือสถาบันกวดวิชา
PEP ซึ่งคงจะเป็นสถาบันกวดวิชาตัวอย่างได้ดี เพราะนอกเหนือจากมีความหลากหลายของระดับชั้นและเนื้อหาที่เรียนเหมือนที่อื่นๆ
แล้ว เจ้าหน้าที่ของสถาบันยังเปิดเผยว่า
ธุรกิจการกวดวิชาจริงแล้วเกิดจากช่องว่างในการเรียนในชั้นเพราะเด็กในโรงเรียนทั่วไปจะมีห้องละ
40-50 คน อาจารย์ต้องสอนในเวลาที่จำกัด เด็กที่หัวไวก็รับความรู้ในเนื้อหาวิชาได้มาก
เด็กที่รับไม่ทันเพราะอาจจะคิดช้ากว่าไม่ใช่เพราะเรียนไม่เก่ง เมื่อมาได้รับการอธิบายอย่างไม่เร่งรีบเกินไปก็จะเรียนได้ดีเช่นกัน
หรืออย่างคอร์สกวดวิชาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ต้องแบ่งเด็กโดยดูจากการเรียนรู้ของเด็ก
จุดมุ่งหมายของหลักสูตร เด็กที่เรียนมาสายอาชีพแล้วอยากสอบเอนทรานซ์ก็คงต้องมีการจัดการเรียนการสอนให้เฉพาะ
รวมถึงเรื่องของเวลาที่จะสามารถมาเรียนได้ด้วย
การกวดวิชาแม้จะเป็นธุรกิจ บางสถาบันก็อ้างว่าจะมองเป็นธุรกิจอย่างเดียวก็ไม่ได้
เพราะส่วนหนึ่งการกวดวิชาก็มีส่วนช่วยเสริมและเพิ่มทักษะการเรียนรู้ให้แก่เด็ก
เด็กที่เรียนเร็วอยู่แล้วก็จะได้มากขึ้น เด็กที่เรียนช้าก็จะได้เพิ่มขึ้น
การพัฒนาหลักสูตรการกวดวิชา ก็มีการแบ่งระดับให้เข้ากับการเรียนรู้ของเด็ก
โดยใช้หลักจิตวิทยาทางอาชีพครูเข้ามาช่วยในการจัดคอร์ส ซึ่งไม่เฉพาะการสอนวิชาอย่างเดียว
การสื่อสารระหว่างครูกับเด็กก็ยังต้องใช้จิตวิทยาให้เด็กสนใจในบทเรียนด้วย
จึงจะได้ผล
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวว่า ถ้ากระทรวงศึกษาธิการ
โดยกรมวิชาการ จะจัดให้มีการสอบ SAT เพื่อทดสอบการเรียนรู้ของเด็กจากที่จบชั้นมัธยมปลาย
ตนก็เชื่อว่าทางสถาบันก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหลักสูตร หรือติว SAT เพิ่มเติมเพราะตามหลักการสอนเด็กที่ผ่านการกวดวิชาตามหลักสูตรของสถาบันก็ต้องสอบ
SAT ได้ดีอยู่แล้ว
"ที่นี่ไม่ใช่ผู้ปกครองพาเด็กมาแล้วจะสมัครคอร์สติวเข้มที่เนื้อหาวิชาค่อนข้างจะล่วงหน้า
แต่เราทดสอบเด็กแล้วเห็นว่าควรจะเรียนคอร์สรองลงมา เพื่อให้เด็กแน่นกว่านี้แล้วเรียนอย่างสบาย
เพื่อให้เด็ก ๆ ค่อย ๆ พัฒนาการเรียนรู้ไปทีละขั้น ไม่ใช่หวังจะได้เงินจากการเรียนหลาย
ๆ คอร์ส ในส่วนนี้ผู้ปกครองเด็กส่วนใหญ่ก็เชื่อคำแนะนำ เพราะผลดีก็เกิดกับลูกของตนเอง
เมื่อเห็นคำแนะนำเช่นนี้แล้ว ผู้ปกครองทั้งหลายที่เร่งแต่ให้ลูกติววิชาโน้นวิชานี้อยู่ตลอดไม่มีเวลาพัก
ก็ควรจะปรับระบบให้กับลูกตนเองมีระบบการเรียนรู้ที่ค่อย ๆ ซึมซับมากกว่าการเร่งอัดจนสมองของเด็กเหนื่อยล้าที่จะรับในคราเดียว