|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สำนักงาน ก.ล.ต. หนุนตลาดหลักทรัพย์ฯ คลอดดัชนีอิสลาม อินเด็กซ์ พร้อมไฟเขียว บลจ. ตั้งกองทุน SUKUK ดึงเงินลงทุนชาติตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน เปิดทางให้ บลจ. ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและ structured note ได้ผ่านกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกจากนี้-ยังอนุญาตให้บลจ. ลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท เพิ่มรายได้อีกช่องทาง
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.พร้อมให้การสนับสนุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดทำอิสลาม อินเด็กซ์ เพื่อดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนแถบตะวันออกกลางซึ่งมีเม็ดเงินการลงทุนสูงจากธุรกิจน้ำมัน โดยล่าสุดทางสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ทำสัญญาข้อตกลงเบื้องต้นกับรัฐบาลดูไบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เป็นผู้กำกับดูแลของแต่ละประเทศ
สำหรับรูปแบบของการลงทุนกับประเทศในตะวันออกกลาง ในเบื้องต้นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด คงจะเป็นไปในรูปแบบของกองทุนรวม เช่น การจัดตั้งกองทุน SUKUK ซึ่งเป็นกองทุนประเภทกึ่งตราสารหนี้กึ่งทุน ที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม รวมถึงการลงทุนผ่านอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถทำได้ โดยในขณะนี้ สำนักงานก.ล.ต. มีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในการจัดตั้งกองทุนประเภทดังกล่าวแล้ว หากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนใดต้องการระดมทุนผ่านกองทุน SUKUK สำนักงานก.ล.ต. ก็พร้อมดำเนินการให้อย่างเต็มที่
"การลงทุนในประเทศแถบตะวันออกกลาง ในช่วงเริ่มต้นเราคงเข้าถึงได้เฉพาะผู้ออมในประเทศเท่านั้น ซึ่งแนวทางที่สามารถทำได้ตอนนี้คือ การตั้งกองทุน SUKUK ซึ่งขณะนี้เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่สำหรับบริษัทจัดการกองทุนที่สนใจจัดตั้งกองทุน SUKUK" นายประเวชกล่าว
ขณะเดียวกัน เร็วๆ นี้สำนักงานก.ล.ต. จะเดินทางไปร่วมลงนามความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันกับประเทศจีนอีก 1 ราย เพื่อพัฒนาการลงทุนในประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ สำนักงานก.ล.ต. ได้ลงนามความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ไปแล้ว ในเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลรวมทั้งการแลกเปลี่ยนในระดับเจ้าหน้าที่ระหว่างกันด้วย
นายประเวชกล่าวต่อถึงการที่ผู้ประกอบการสนใจเข้ามารุกธุรกิจกองทุนรวมมากขึ้นว่า สำนักงานก.ล.ต. พร้อมสนับสนุนให้บริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) รวมทั้งบริษัทเงินทุน ทำธุรกิจจัดการลงทุนมากขึ้น โดยจำนวนบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีอยู่จำนวน 18 รายในขณะนี้ ถือว่ายังไม่มากเกินไปและสามารถเพิ่มได้อีกหลายบริษัท อีกทั้งการที่พ.ร.บ.ประกันเงินฝากกำลังจะเกิดขึ้น ก็เชื่อว่าระบบกองทุนรวมจะสามารถรองรับเม็ดเงินจากธนาคารที่จะไหลเข้ามามากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติให้ บล.ฟิลลิป และบล.ซีมิโก้ สามารถประกอบธุรกิจดังกล่าวได้แล้ว และในขณะนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาผู้ประกอบการรายอื่นเพิ่มด้วย
ด้านนางดวงมน จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับธุรกิจจัดการลงทุน สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้แก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนของกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้สามารถลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและ structured note ได้ เพื่อเปิดทางให้มีช่องทางการลงทุนที่กว้างขึ้น และปรับเปลี่ยนอัตราส่วนการลงทุนของกองทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการแสวงหารายได้และผลตอบแทนสู่ผู้ลงทุน พร้อมกับรักษาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับกองทุนแต่ละประเภท
นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้กองทุนส่วนบุคคลจะสามารถทำธุรกรรมขายชอร์ตและการยืมหลักทรัพย์ได้ ส่วนกองทุนรวมก็สามารถลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) ได้เช่นเดียวกับกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในขณะที่กองทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ จะสามารถลงทุนในประเทศได้เฉพาะตราสารระยะสั้นเพื่อการบริหารสภาพคล่อง โดยประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ขณะเดียวกัน สำนักงานก.ล.ต.ยังได้แก้ไขหลักเกณฑ์การลงทุนเพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานให้บริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) สามารถดำเนินธุรกิจในการจัดการกองทุนของตนเองด้วยความโปร่งใสและคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ลงทุน โดยเปิดโอกาสให้บลจ.สามารถลงทุนในหุ้นและหุ้นกู้ได้ จากเดิมที่อนุญาตให้ลงเฉพาะตราสารหนี้และเงินฝาก ทั้งนี้ บลจ.ที่ลงทุนในหุ้นหรือหุ้นกู้จะต้องถือหลักทรัพย์ไว้มากกว่า 1 ปี เพื่อสร้างรายได้ให้กับ บลจ. อีกช่องทางหนึ่ง หลังจากที่ผ่านมา บลจ.มีกำไรสะสมและกระแสเงินสดหมุนเวียนอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ สำนักงานก.ล.ต.จะออกประกาศเรื่อง การกระทำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการจัดการกองทุนและหลักเกณฑ์ในการป้องกัน โดยจะมีผลบังคับใช้ 16 ส.ค.49 ซึ่งในประกาศจะระบุชัดเจนว่า กรณีที่บลจ.จัดการบริหารพอร์ตการลงทุนเอง ด้องจัดให้มีระบบงานเพื่อบริหารพอร์ตให้มีประสิทธิภาพ โดยจะต้องแยกส่วนงานออกจากพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวม เช่น สายงานบังคับบัญชา หน่วยงานบริหารการลงทุน เพื่อความโปร่งใสในการทำงาน
ส่วนเรื่องของการรับผลประโยชน์ตอบแทน เนื่องจากพอร์ตการลงทุนของบลจ.ไปใช้บริการบุคคลอื่น เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุนจะรับผลประโยชน์ได้เฉพาะผลประโยชน์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ และประโยชน์ต่อกองทุน เช่น บทวิเคราะห์ รวมทั้งต้องดูแลให้พนักงานในบริษัทมีมาตรฐานในการปฏิบัติงานตามแนวปฏิบัติที่สมาคมกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมการซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงานในบริษัทจัดการนั้นด้วย
|
|
|
|
|