Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2538
"ดีขึ้นกว่าระบบเดิม แม้จะดูค่อนข้างซับซ้อนในการหามาตรฐาน" นพ. นที รักษ์พลเมือง             
 

   
related stories

"SAT ก็ยังเน้นเฉพาะการจำเพื่อไปสอบ" ดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์
"โรงเรียนกวดวิชา "ติวระยะสั้นจะสำคัญน้อยลง"

   
search resources

นที รักษ์พลเมือง
Education




"นายแพทย์นที รักษ์พลเมือง ผู้ที่มีอายุพ้นวัยเกษียณมาแล้ว 9 ปี แต่ยังมีหน้าที่สำคัญๆ มีภารกิจปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมากมาย ในฐานะนายกสมาคมผู้ปกครอง และครูโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนสตรีวิทย์ ที่ลูก ๆ ทั้งสามคนเคยเรียน เฉพาะโรงเตรียมอุดมศึกษาได้รับตำแหน่งนายกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2517 สมัยลูกชายยังศึกษาอยู่จนจบปริญญาเอกแล้วในทุกวันนี้

นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีหน้าที่สำคัญ ๆ เกี่ยวกับนโยบายหลัก ๆ และเรื่องอื่น ๆ อีกมาก เป็นแพทย์ประจำที่ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิติคส์ และกายภาพบำบัดโรงพยาบาลศิริราช ที่ยังคงมาปฏิบัติงานเป็นประจำทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า

นายแพทย์นที กล่าวถึงการประชุมกับสมาคมฯ ในช่วงที่ผ่านมาว่า สมาคมผู้ปกครองฯ ที่จะมีการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง นั้น ยังไม่มีการพูดคุยถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระบบใหม่เลย และก็ไม่ทราบรายละเอียด ที่ผ่านมาจะเน้นเรื่อง การหาทุนทรัพย์และแนวคิดต่าง ๆ ให้กับครูเพื่อให้ไปสู่นักเรียนอีกทอดหนึ่ง

การนำคะแนนเฉลี่ยสะสมของเด็กในแต่ละโรงเรียนไม่เท่ากัน ถ้านำนักเรียนโรงเรียนอื่นมาเข้าเตรียม จากที่เคยได้เกรดเฉลี่ยถึง 4 ก็คงจะไม่ได้ ถ้าเป็นสมัยก่อนหรือตอนนี้ที่เป็นระบบสอบรวมพร้อมกันหมด เป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ระบบที่ดี

"การสอบระบบใหม่อาจจะดีขึ้นกว่าระบบเดิมแม้จะดูค่อนข้างซับซ้อนในการหามาตรฐาน แต่จะต้องให้มีมาตรฐานในการวัดและเชื่อถือได้"

ที่น่าเป็นห่วงคือ โรงเรียนทุกโรงเรียนมีมาตรฐานต่าง ๆ กัน โรงเรียนที่ผลคะแนนออกมา ตราไว้ว่าคะแนนมาตรฐานต่ำก็คงจะรู้สึกอย่างไรอยู่ จากเดิมที่มีความรู้สึกที่ไม่เป็นทางการอยู่แล้ว เจอแบบนี้คงยิ่งแย่ลงไปใหญ่

นพ. นทีให้ความเห็นด้วยว่า ส่วนของการพัฒนามาตรฐานโรงเรียน จึงควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำให้โรงเรียนดีขึ้นเสียก่อน เหมือนอย่างที่ทำมาบ้างแล้ว ในการส่งครูโรงเรียนเตรียมอุดม และโรงเรียนมีชื่อต่าง ๆ ไปช่วยวางระบบในโรงเรียนพี่น้อง ก็ช่วยได้ดี หรือจะให้มีการใช้ข้อสอบจากโรงเรียนแม่ในการทดสอบการเรียนการสอบ ก็เห็นผลจากผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กในโรงเรียนเหล่านั้นที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ค่านิยมที่ฝังลึกในโรงเรียนมีชื่อคงเปลี่ยนไม่ได้ เหมือนที่เป็นอยู่กับโรงเรียนพี่น้องถึงเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่ถ้าเป็นไปได้คนก็ยังเลือกเรียนที่โรงเรียนแม่มากกว่า นายแพทย์นทีเองก็เชื่อเช่นนั้น อย่างการเอาโรงเรียนไปสร้างสาขา ถ้าทำให้ดีเท่ากับโรงเรียนแม่ก็นับว่าโชคดีเต็มที่แล้ว

ส่วนข้อเสียของระบบเดิม ซึ่งเป็นการสอบข้อเขียนอย่างเดียว ไม่ได้วัดความถนัดและความสนใจที่แท้จริงของเด็ก ควรจะเพิ่มเติมในส่วนของการวัดความถนัด เพื่อให้ตรงกับสาขามากขึ้น เหมือนสอบคัดเลือกแพทย์ศิริราชที่ทางมหาวิทยาลัยจัดการทดสอบจะไม่ได้สอบเฉพาะข้อเขียนเหมือนส่วนกลาง

จะเริ่มให้เด็กที่สนใจอยากเรียนเข้ามาดูงานตั้งแต่ชั้นมัธยม ดูว่าสนใจแค่ไหน เรียกว่าใช้เวลานานกว่าจะรับเข้ามา โดยเฉพาะขั้นตอนการสัมภาษณ์ที่จะต้องให้รู้ถึงความคิดของเด็กทั้งเหมาะกับการแพทย์ อาทิ จริยธรรม ความอดทน รับผิดชอบ เมตตา อย่างกรณีที่เรียนเพราะพ่อแม่ให้เรียนนั้นแย่ที่สุด แต่ข้อควรระวังก็คือความยุติธรรมในการให้คะแนน

การวัดผลระหว่างที่ทางมหาวิทยาลัยรับเองกับที่สอบเข้ามาจากส่วนกลาง จนบัดนี้ยังไม่มีการวัดผลว่าส่วนไหนได้ผลกว่ากัน ต้องรออีก 2 ปีจึงจะทราบว่าการเรียนเป็นอย่างไร ผลจากที่สำเร็จไปเป็นหมอแล้วเป็นอย่างไร ตรงตามลักษณะที่ต้องการไหม โดยจะวัดจากเด็กที่เข้ามารุ่นแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

ท้ายสุด ตามความเห็นนายแพทย์นที ก็เชื่อว่า แม้วิธีสอบเข้ามหาวิทยาลัยระบบใหม่ที่พยายามปรับปรุงขึ้นยังไม่ดีที่สุด แต่ก็ช่วยลดการแข่งขันลง เพราะทั้งปัจจุบัน หรือในอดีตที่ผ่านมา การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของไทยก็ไม่ต่างกันเลย แม้จำนวนคนสอบเพิ่มขึ้น จำนวนที่รับก็เพิ่มขึ้น แต่อัตราส่วนของผู้สอบผ่านและไม่ผ่านก็คงอยู่ในอัตรา 1:10 หรือบวกลบเล็กน้อยเท่านั้นเอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us