LVT ลงนามในสัญญาก่อสร้าง Fecto Coal Mill กับบริษัท Fecto Cement Ltd. ประเทศปากีสถาน มูลค่าโครงการ 1.75 ล้านยูโร โดยเป็นงานจัดหาหม้อบดถ่านหินพร้อมงานบริการด้านวิศวกรรม ซึ่งได้รับชำระ 20% เมื่อ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่วน 80% จะได้รับชำระเมื่อมีการส่งมอบอุปกรณ์เพื่อการติดตั้งครบถ้วน

นายองค์คุณ อยู่มั่น ประธานกรรมการ บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ( LVT ) แจ้งให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549 ได้ลงนามในสัญญาโครงการใหม่ ชื่อ Fecto Coal Mill กับบริษัท Fecto Cement Ltd. ซึ่งเป็นรายการธุรกิจปกติและเป็นไปตามเงื่อนไขทางการค้าโดยทั่วไป

โดยเป็นการลงทุนในโครงการ Fecto Coal Mill ประเทศปากีสถาน ซึ่งมีเจ้าของโครงการคือบริษัท Fecto Cement Ltd. สำนักงานตั้งอยู่ที่ 35,Darul Aman Housing Society, Block 7/8 Sharah-e Faisal, Karachi, 75350, Pakistan. มูลค่าของโครงการ 1.75 ล้านยูโร

ขณะที่การชำระเงินนั้น จะแบ่งการชำระเงินโดยผ่านเลตเตอร์ออฟเครดิตจากลูกค้า ซึ่งได้รับเมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม 2549 โดยจะชำระ 20 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่ารวมในสัญญาหลังจากการส่งมอบแบบและข้อกำหนดทางวิศวกรรม และชำระ 80 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารวมในสัญญา เมื่อมีการส่งมอบอุปกรณ์เพื่อการติดตั้งครบถ้วน ระยะเวลาของโครงการ ภายใน 28 สัปดาห์ นับจากวันที่ลงนามในสัญญา และงานดังกล่าวเป็นการจัดหาหม้อบดถ่านหิน ขนาด 25 ตันต่อชั่วโมง พร้อมงานบริการด้านวิศวกรรม

สำหรับการลงทุนของบริษัทนั้น ก่อนหน้านี้ LVT ได้เพิ่มทุนบริษัท LV Europe จากเดิม 40,000 ยูโร เป็น 280, 000 ยูโร ซึ่งบริษัทได้เพิ่มการลงทุนในบริษัท แอล.วี.ยุโรป โดยการแปลงหนี้การค้าระหว่างกันเป็นเงินลงทุนมีผลให้อัตราร้อยละของการถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 48 เป็นร้อยละ 92

สำหรับผลการดำเนินงานของ LVT ไตรมาสแรกปีนี้ สิ้นสุด 31 มีนาคม 49 พบว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 47.11 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12.07 ล้านบาท ส่งผลให้จากเดิมที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 11 สตางค์เป็นขาดทุนต่อหุ้น 28 สตางค์

เนื่องจากการลดลงจำนวนมากของงานสัญญาการให้บริการงานขนาดใหญ่ในระหว่างช่วงที่ผ่านมา ทำให้รายได้จากสัญญาการให้บริการสำหรับไตรมาสที่แรกปีนี้ จำนวน 75.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนลดลง 138.3 ล้านบาท และบริษัทมีผลขาดทุนเบื้องต้นสำหรับไตรมาสแรกปีนี้จำนวน 7.1 ล้านบาท ลดลง 20.4 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกปี 48 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด บุคลากรและการตั้งสำรองและผลขาดทุนจากบริษัทย่อยคือ แอล วี ยุโรป คิดเป็นกว่า 25 ล้านบาท