|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โรจนะเพาเวอร์เตรียมลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 55 เมกะวัตต์ มูลค่า 1.6 พันล้านบาท ในปี 2550 รองรับความต้องการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้น หลังส่วนขยาย 45 เมกะวัตต์แล้วเสร็จในปลายปีนี้ "บิ๊กโรจนะฯ" เผยกำลังศึกษาโอกาสทำธุรกิจอสังหาฯ ในจีนเพิ่ม หลังจากสยายปีกทำนิคมฯ ที่ฉางโจว
นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJANA) เปิดเผยแผนการลงทุนในปี 2550 ว่าบริษัท โรจนะ เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าอีก 55 เมกะวัตต์ ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดอยุธยา คิดเป็นเงินลงทุน 1,600 ล้านบาท ทันทีหลังจากส่วนขยายโรงไฟฟ้าเฟส 3 ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์แล้วเสร็จในปลายปีนี้ ทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ปี 2550 ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท
โดยส่วนขยายโรงไฟฟ้าเฟส 4 จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2551 ซึ่งกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟจากลูกค้ารายใหม่และรายเดิมได้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมในนิคมฯ ในปัจจุบัน ทำให้ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายที่ดินในนิคมฯ จำนวน 750 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15-20% โดยครึ่งแรกของปีนี้บริษัทฯ มียอดขายที่ดินไปแล้ว 400-450 ไร่ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนญี่ปุ่นยังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักเช่นเดิม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่รอบนิคมฯ อาทิ อาคารพาณิชย์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาในกลางปี 2550 เพื่อสนองความต้องการของแรงงานในนิคมฯ ส่วนการลงทุนคอนโดมิเนียมหรูนอกเหนือจากโครงการ Madison ที่ปิดโครงการไปแล้วนั้นยังไม่มีการลงทุนใหม่ในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดยังไม่ค่อยดี
ส่วนโครงการผลิตแอลกอฮอล์ที่ใช้ผลิตเครื่องดื่มเพื่อการส่งออก ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในกลางปี 2550 ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 1 หมื่นตัน/ปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท โดยโครงการนี้ บริษัทฯ ถือหุ้น 60% ซูมิโตโม 30-35% และนักลงทุนอื่น 5-10%
นายจิระพงษ์ กล่าวถึงโครงการนิคมอุตสาหกรรมที่ฉางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า บริษัทฯ ได้ทำตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการแข่งขันธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่จีนค่อนข้างรุนแรง เพราะมีจำนวนนิคมฯ มาก ทำให้นักลงทุนต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้มอบหมายให้ซูมิโตโม ซึ่งเป็นพันธมิตรช่วยทำการตลาดให้ โดยเน้นนักลงทุนญี่ปุ่น โดยปีนี้ไม่ได้ตั้งเป้าหมายรับรู้รายได้จากนิคมฯ ที่ฉางโจวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในจีนทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสที่จะใช้จีนเป็นฐานเรียนรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ เพื่อหาลู่ทางการดำเนินธุรกิจอื่นๆ ในประเทศดังกล่าว โดยบริษัทฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่หมุนเวียนเข้าไปเรียนรู้ในจีนอยู่ตลอดเวลาพบว่ามีหลายอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพลงทุนในจีนทั้งภาคอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาอีกระยะหนึ่งก่อนตัดสินใจ
"การตัดสินใจลงทุนในจีน เราอาจจะหาหุ้นส่วนท้องถิ่นเข้าถือหุ้นด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ สนใจอสังหาริมทรัพย์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจลงทุนเป็นรูปเป็นร่างในระยะสั้นนี้"
ผลการดำเนินงานในปี 2549 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4.95 พันล้านบาท มาจากการขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ 50% ธุรกิจสาธารณูปโภคและการลงทุนอีก 50%
|
|
|
|
|