สหไทยสตีลไพพ์ หวังระดมทุนได้ก่อนพ.ย.นี้ เหตุหมดอายุไฟลิ่ง ผู้บริหารระบุพีอีเรโซในปัจจุบันยังต่ำ เผยที่ปรึกษาฯ แนะหั่นราคาไอพีโอ ด้านทราฟฟิกคอร์นเนอร์ ยันยังไม่พร้อมนำบริษัทย่อยจดทะเบียนเหตุความเสี่ยงในธุรกิจค่อนข้างสูง

นายทวีศักดิ์ ครุจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหไทยสตีลไพพ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STS เปิดเผยความคืบหน้าในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทยว่า บริษัทยังคงรอช่วงจังหวะที่เหมาะสมที่จะระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนื่องหากพิจารณาถึงค่าพีอีเรโชของตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทได้มีการเลื่อนระดมทุนมาแล้วก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการต่อเวลาแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) มาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งจะครบกำหนดไฟลิ่งอีกครั้งในเดือนพ.ย.นี้ โดยบริษัทหวังว่าน่าจะมีช่วงจังหวะที่เหมาะสมเพื่อให้บริษัทสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนได้ ประกอบความไม่ชัดเจนทางการเมืองน่าจะคลี่คลายได้ในระดับหนึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว

สำหรับผลกระทบหลังจากที่บริษัทต้องเลื่อนการเข้าระดมทุนออกมา ทำให้บริษัทยังคงต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่น่าจะจ่ายคืนได้หากสามารถระดมทุนได้ แต่บริษัทยังมีเงินหมุนเวียนทำให้สามารถแบกรับภาระดังกล่าวได้

"ขณะนี้ที่ปรึกษาทางการเงินก็มีการเสนอเข้ามาเพื่อให้เราเข้าจดทะเบียนโดยการหั่นราคาขายไอพีโอ แต่หากว่าต้องมีการปรับลดราคาลงมากเชื่อว่าผู้ถือหุ้นเดิมก็ไม่น่าจะพอใจ ประกอบกับช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีเพียงหุ้น RRC เท่านั้นที่เข้าระดมทุนแล้วราคายังสามารถปรับเหนือราคาจองได้เราจึงอยากรอให้ถึงจังหวะที่ดีก่อน" นายทวีศักดิ์กล่าว

นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากความผันผวนของราคาเหล็กในตลาดโลกซึ่งส่งผลที่ชัดเจนต่อรายได้ของบริษัท ประกอบกับต้นทุนสินค้าของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งอาจจะทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมและของบริษัทในปีนี้ปรับตัวลดลง

"ราคาเหล็กในตลาดโลกที่ผันผวนจากสงครามในตะวันออกกลาง จะส่งผลต่อธุรกิจในภาพรวมและธุรกิจของบริษัท โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้อาจจะลดลง" นายทวีศักดิ์กล่าว

นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRAF กล่าวถึงเรื่องการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า แผนการในการนำบริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ เรดิโอ เข้าจดทะเบียนจะต้องชะลอออกไป เนื่องจากปัจจุบันความเสี่ยงของธุรกิจยังมีค่อนข้างมาก เหตุที่ยังต้องมีการขอสัมปทานแบบปีต่อปี

ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 2/49 น่าจะออกมาดีเนื่องจากมีมหกรรมฟุตบอลโลกซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัท แม้ว่าทางด้านสื่อสิ่งพิมพ์บริษัทจะต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นก็ตาม

อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี ธุรกิจของบริษัทน่าจะเติบโตขึ้น แต่ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ปัจจัยด้านราคาน้ำมัน ที่อาจจะกระทบต่อลูกค้าของบริษัท ในเรื่องของงบโฆษณาที่ลดลง หรือจะมีความระมัดระวังในการใช้มากขึ้น