|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ประชัย” โวยผลประชุมผู้ถือหุ้นทีพีไอวานนี้ (20 ก.ค.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุศาลแพ่งระยองและนนทบุรียังไม่ชี้ขาดอำนาจกรรมการชุดใหม่ ขณะที่ "ปตท." นำทีมผู้ถือหุ้นโหวตเขี่ยประชัยพ้นทีพีไอด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น อ้างเหตุผลเพื่อแก้ไขป้องกันความเสียหายของบริษัทที่อาจถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ “ปิติ” รีบนำรายชื่อคณะกรรมการทีพีไอชุดใหม่จดทะเบียน ต่อพาณิชย์และแจ้งขอปลดเครื่องหมาย NC ในวันนี้
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เปิดเผยว่า การจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นทีพีไอเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ตนและกรรมการในตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ไม่เข้าร่วมประชุม เพราะในการประชุมผู้ถือหุ้นทีพีไอเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นำคำสั่งศาลจังหวัดนนทบุรีที่ระงับการกระทรวงการคลังจัดประชุมผู้ถือหุ้นฯไว้ จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แต่คลังยังฝืนคำสั่งศาลฯ จัดประชุมต่อไปจนเป็นที่มาของการประชุมผู้ถือหุ้นฯ ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ยอมรับการประชุมฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งจังหวัดระยองให้ยกเลิกการแต่งตั้งกรรมการทีพีไอเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2549 และยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรีหลังคลังละเมิดคำสั่งศาลที่จัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นฯ
วานนี้ (20 ก.ค. ) เวลาประมาณ 10.30 น. มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้ง1/2549 ของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอโดยพลเอกมงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการอีก 12 คน อาทิ นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา นายพละ สุขเวช นายอารีย์ วงศ์อารยะ ดร.วีระพงษ์ รามางกูร นายปิติ ยิ้มประเสริฐ นางไพฑูรย์ พงษ์เกสร และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
บรรยากาศการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการคุมเข้มในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน จำนวน 200 นาย ประจำตามจุดต่างๆ ตั้งแต่ปากทางเข้าโรงงาน พร้อมทั้งยังมีจุดตรวจสอบเอกสารผู้ถือหุ้นทีพีไอจำนวน 3 จุด เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ อาจจะมีม็อบที่สนับสนุนให้นายประชัยเข้ามารับตำแหน่งอย่างเดิม
พลเอกมงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ประธานกรรมการ ทีพีไอ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ จะพิจารณาการจัดหาเงินเพื่อชำระคืนหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงินก่อนกำหนด จำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และการปลดนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ พ้นจากตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ ก่อนออกตามวาระ เนื่องจากนายประชัยถูกกล่าวโทษโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการปั่นหุ้นทีพีไอโพลีน หากบริษัทฯ ไม่ดำเนินการปลดนายประชัย ก็อาจเป็นเหตุให้ทีพีไอถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนได้ และไม่สามารถดำเนินการออกหลักทรัพย์ให้พนักงาน (ESOP) ได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการด้วย
ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ ได้มีมติปลดนายประชัย ด้วยคะแนน 98.86% คิดเป็นจำนวนหุ้น 12,847 ล้านหุ้น ไม่เห็นด้วย 11,714 หุ้น งดออกเสียง 5.6 แสนกว่าหุ้น ถือว่าที่ประชุมมีมติปลดนายประชัยตามข้อบังคับของบริษัท
นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีพีไอ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯมีมติให้ปลดนายประชัยแล้ว บริษัทจะนำรายชื่อคณะกรรมการชุดใหม่ไปจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ (21 ก.ค.) รวมทั้งแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อขอให้ปลดเครื่องหมาย NC คาดว่าตลท.จะปลดเครื่องหมาย NC ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังได้มีมติให้บริษัทออกหุ้นกู้จำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำอันดับความน่าเชื่อถือ คาดว่าจะออกหุ้นกู้มีอายุ 10ปีได้ภายในปีนี้ ซึ่งหุ้นกู้ทั้งหมดจะนำอออกขายให้แก่นักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้เตรียมแผนจะกู้เงินระยะสั้น (บริดจ์ไฟแนนซ์) ระยะเวลา 1ปี ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินหลายแห่ง
“ขั้นตอนการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออาจล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ แต่เชื่อว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ จะทราบผลว่าจะเลือกแนวทางใดระหว่างการออกหุ้นกู้หรือกู้เงินระยะสั้นเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิมของทีพีไอ 950-960 ล้านเหรียญสหรัฐ”
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทฯมีโครงการเร่งด่วน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.1-1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3ปี ทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย 1. โครงการการขยายและปรับปรุงโรงกลั่นเพื่อให้กลั่นน้ำมันดีเซลที่มีคุณภาพได้ เงินลงทุน 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2.5 แสนบาร์เรล/วันจากปัจจุบัน 2.1 แสนบาร์เรล/วัน
2.โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า กำลังการผลิต 200-300 เมกะวัตถ์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี และ 3. การปรับปรุงท่าเรือทีพีไอ ให้มีขีดความสามารถในการรองรับเรือขนาด 2 ล้านบาร์เรลได้ แต่ปัจจุบันรองรับเรือได้เพียง 1.5 ล้านบาร์เรล โดยคณะผู้บริหารมีโครงการจะขุดลอกหน้าท่า ให้มีความลึกขึ้น เพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ได้ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในส่วนนี้ประมาณ 30-50 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2.2-2.4 แสนล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.8 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงพ.ย.ศกนี้ ทีพีไอจะปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 30-40 วัน ทำให้รายได้บริษัทหายไป 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่องบการเงินไตรมาส 4 ปีนี้
นายสุทธิชัย จิตรวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์จะมีการย้าย บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI กลับมาซื้อขายในหมวดปกติได้นั้น ต้องรอให้ผู้บริหารของ TPI มีการยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงกรรมการของบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ และมีการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียนของตลาดหลักทรัพย์ฯ และยื่นหนังสือเพื่อขอกลับมาซื้อขายหมวดปกติต่อตลาดหลักทรัพย์ก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการพิจารณาเอกสาร และจะปลดเครื่องหมาย NC
|
|
|
|
|