Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2537
"สะพานข้ามโขง โอกาสและความคาดหวัง"             
 


   
search resources

ที.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์
กรูทรี่อินเตอร์เนชั่นแนล
วังสันติสุข
ศิริชัย โควบุตร
เอนดรู กง
บาเลียน คำดาลานิกอน




ดินแดนสองฝั่งโขงถูกเชื่อมต่อกันแล้ว ด้วยสะพานมิตรภาพที่หนองคาย สะพานแห่งนี้ก่อให้เกิดความคาดหวังจากผู้คนหลายฝ่ายว่า จะสร้างโอกาสในทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นและเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ เป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาของภูมิภาคอินโดจีน ความคาดหวังนี้จะเป็นจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายและท่าทีของรัฐบาลที่มีต่อกระแสทุนที่หลั่งไหลเข้ามาจากอีกฟากหนึ่งของสะพานนี้

สะพานข้ามแม่น้ำโขง ระหว่างลาวและไทย ที่ท่าเสด็จ จังหวัดหนองคาย เปิดใช้อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2537 "สะพาน" ซึ่งมีจุดประสงค์ใช้สอย เพื่อความสะดวกในการคมนาคมขนส่งระหว่างประชาชนสองฝั่งโขงเป็นหลัก ได้ก่อให้เกิดทั้ง "ผลกระทบ" และ "โอกาส" ของธุรกิจที่คาบเกี่ยวระหว่างชายแดน

ผลกระทบทางตรงที่เกิดขึ้นและเห็นได้เร็ว เกิดขึ้นกับธุรกิจการขนส่งทั้งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแม่น้ำโขง เช่น เรือข้ามฟาก และแพขนานยนต์ อีกด้านหนึ่ง ผลกระทบทางอ้อมหรือจะเรียกว่าเป็น "โอกาส" ก็ได้คือ ธุรกิจพัฒนาที่ดินและการเก็งกำไร รวมทั้งกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยว

แต่ผลกระทบที่จะมีกับธุรกิจขนส่งสินค้าและผู้โดยสารนั้น ไม่ได้ส่งผลอย่างรุนแรงต่อกิจการขนส่งทั้งหมด มีเฉพาะการขนส่งผู้โดยสารเท่านั้น ที่ต้องเปลี่ยนทำเลทำมาหากินใหม่ ส่วนการขนส่งสินค้าโดยแพขนานยนต์ แทบจะเรียกได้ว่า ไม่ค่อยจะสะดุ้งสะเทือนต่อสะพานเชื่อมฝั่งโขงเส้นแรกนี้เลย

ถ้าไม่นับธุรกิจเรือโดยสาร ท่าเดื่อ-ท่านาแล้งที่มีประมาณ 20 กว่าลำ ซึ่งต้องกระจัดกระจายไปหาทางขนส่งเส้นทางใหม่แล้ว "ที.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์" บริษัทสัญชาติลาว แต่เป็นของนักลงทุนไทย ที่มีแพขนส่งรถบรรทุกสินค้าผ่านแดนขนาดใหญ่ 2 ลำ พารถบรรทุกสินค้าข้ามฝั่งวันละกว่า 200 คัน เป็นบริษัทที่ถูกคาดหมายว่าจะต้องเลิกกิจการ หรืออาจต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง เหมือนที่ ศิริชัย โควบุตร กรรมการผู้จัดการ ที.แอล. เคยพูดไว้กับ "ผู้จัดการ" เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า เมื่อสะพานสร้างเสร็จแพของ ที.แอล. อย่างน้อย 1 ลำต้องถูกย้ายไปในที่ใดที่หนึ่งในแม่น้ำโขง อาจจะเป็นเชียงของ-บ่อแก้ว

การย้ายแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำโขงของที.แอล. พิจารณาได้สองทาง ทางหนึ่งเป็นเพราะหมดภารกิจเนื่องจากใช้สะพานแทน อีกทางหนึ่งเพราะเชียงของ-บ่อแก้วมีความจำเป็นต้องใช้มากขึ้น

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรนั่นเป็นส่วนเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนทั้งหมดของที.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส ์ เพราะห่างจากสะพานมิตรภาพไทยลาวไปเพียงไม่ถึง 1 กิโลเมตร เรือขุดของลาว 2 ลำ กำลังเดินเครื่องขุดสันดอนอยู่กลางลำน้ำโขงในเส้นทางแพขนานยนต์ ขนส่งสินค้าของที.แอล. จากหนองคายไปถึงท่านาแล้งของลาวของบริษัท ที.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ เพื่อให้แพขนานยนต์ใช้เวลาข้ามแม่น้ำโขงน้อยลงจาก 30 นาทีเหลือเพียง 15 นาที

สะพานก็เสร็จแล้ว ทำไมลาวต้องลงทุนสนับสนุนการขนส่งสินค้าด้วยแพขนานยนต์กันอีก ??

ศิริชัยเปิดเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่า "รถบรรทุกของที.แอล. วันละ 40 คันจะไม่ใช้สะพานข้ามโขงแต่จะข้ามด้วยแพขนานยนต์ของบริษัท และอาจจะมีรถบรรทุกของบริษัทอื่นเลือกใช้แพขนานยนต์ด้วย"

มีความหมายมากมายสำหรับคำพูดประโยคนี้ของผู้ที่เรียกได้ว่าอยู่ "วงใน" กับฝ่ายลาวอย่าง "ศิริชัย"

เมื่อทุกฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ว่าสะพานจะเป็นสิ่งที่นำมา ซึ่งความรุดหน้าทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในด้านความคล่องตัวในการขนสินค้าเป็นเรื่องหลัก แต่สำหรับที.แอล. กลับมองว่า ในธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าจะไม่มีความแตกต่างระหว่างการมีสะพานข้ามโขงกับการไม่มีสะพานข้าม

เนื่องจากหัวใจของธุรกิจขนส่งสินค้าอยู่ที่ "โกดัง"

เมื่อแรกเริ่มโกดังสินค้าท่านาแล้งเป็นของรัฐบาลลาว ซึ่งที.แอล. ได้เข้าประมูลกิจการแพขนานยนต์และโกดังสินค้าในปี 2534 โดยเสนอผลประโยชน์ให้แก่รัฐบาลลาวถึงปีละ 10 ล้านบาทในสัญญาเช่าในนามบริษัท ที.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ (1991) จำกัด (ลาว) และได้ลงทุนมากกว่า 10 ล้านบาทในการจัดระบบและการขยายโกดังสินค้า

โกดังสินค้าของที.แอล. รองรับสินค้าจากบริษัทขนส่งสินค้าผ่านแดนไทย-ลาวทุกบริษัทที่ข้ามจากจังหวัดหนองคายมาถึงท่านาแล้ง ซึ่งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ 30 กิโลเมตร หลังจากมติคณะรัฐมนตรีชุดอานันท์ 1 ที่ตัดสินใจอนุญาตและรับรองบริษัทที.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ ให้เข้ามาประกอบการขนส่งสินค้าผ่านแดนไทย-ลาว ซึ่งก่อนหน้านั้นมีเพียง ร.ส.พ. บริษัทเดียว

เดิมทีเดียวโกดังสินค้าของที.แอล. มีพื้นที่ 30 ไร่ โดยรับสินค้ามากกว่า 2 พันตันต่อวัน มีพนักงาน 150 คน ต้นปี 2537 ที.แอล. ได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลลาวขยายโกดังสินค้า ซึ่งของพื้นที่จากรัฐบาลลาวในบริเวณติดกันเพิ่มอีก 15 ไร่ เนื่องจากคาดว่าสินค้าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น 40% เป็นเกือบ 3,000 ตันต่อวัน

สิ่งที่เป็นหลักประกันให้กับที.แอล. ว่า หากลงทุนขยายโกดังสินค้าแล้วจะไม่มีปัญหาเรื่องไม่มีของที่จะมาเข้าโกดังพอคือ ข้อตกลงระหว่างที.แอล. กับรัฐบาลลาวที่มีว่าโกดังสินค้าจะตั้งอยู่ที่ท่านาแล้งไปอย่างน้อยถึงปี 2548 โดยมีฐานความเชื่อมั่นมาจากการคำนวณของยูเอ็นดีพี (UNDP) หน่วยงานจากสหประชาชาติว่าโกดังขนาด 45 ไร่ จะรองรับสินค้าได้ถึงปีดังกล่าว

ไม่เพียงแต่คำยืนยันจากรัฐบาลลาวในเรื่องที่ตั้งโกดังสินค้าเท่านั้นที่ทำให้ที.แอล. มั่นใจ ทั้งด่านศุลกากรลาวที่จะทำการตรวจและพิธีการทางภาษีสินค้าที่ข้ามมาทั้งหมด ก็ยืนยันอีกเช่นกันว่าจะคงดำเนินการอยู่ข้างโกดังสินค้าเหมือนเดิม

บุนถม ลอมะนี หัวหน้าด่านภาษีท่านาแล้งให้สัมภาษณ์ว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาด่านภาษีเก็บภาษีได้มากขึ้น 20% ทางด่านภาษีจึงขยายเวลาให้มีการเปิดด่านทุกวัน เพื่อรองรับการเปิดสะพานทั้งจะมีการตรวจสินค้าอย่างเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาต และสินค้าที่ลาวผลิตได้

แม้ว่าลาวจะมีแผนการสร้างถนนเลี่ยงเมืองเพื่อขนส่งสินค้าเข้าสู่เวียงจันทน์โดยตรงโดยไม่ผ่านทำนาแล้ง แต่ปัญหาคือ ไม่มีด่านศุลกากรตรวจสินค้าที่ผ่านสะพานข้ามโขงแต่อย่างใด เพราะด่านที่รัฐบาลลาวสร้างที่เชิงสะพานเป็นเพียงด่านตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น เป็นผลให้รถสินค้าทุกคัน ต้องย้อนกลับมาท่านาแล้งเพื่อตรวจสินค้าและเสียภาษีศุลกากรที่มีโกดังสินค้าของที.แอล. รอรับอยู่

"ยิ่งประเทศลาวด้วยแล้ว รถบรรทุกของทุกคันต้องถูกตรวจอย่างละเอียด ไม่ใช่ว่าจะขนอะไรมาก็ได้ ถ้าจะให้รถบรรทุกสินค้าจากไทยข้ามสะพานแล้วตรงเข้าใจกลางเมืองเวียงจันทน์ได้เลย รัฐบาลลาวไม่มีทางอนุญาตแน่นอน เพราะเวียงจันทน์คือเมืองหลวง สินค้าทุกประเทศที่เข้ามาจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายลาว" ศิริชัยกล่าว

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จุดมุ่งหมายของการสร้างสะพานข้ามโขงระหว่างลาวและไทย ที่จะให้ความสะดวกในการขนส่งสินค้าเพื่อแลกเปลี่ยน และกระจายในภูมิภาคอินโดจีน อย่างน้อยในระยะ 10 ปีนับจากนี้ไม่แน่นักว่าจะจริง

เป็นเรื่องจริงที่ว่าการข้ามแม่น้ำใช้เวลาน้อยลงสินค้าจำนวนมากซึ่งแต่เดิมใช้เวลาข้ามแม่น้ำโขงประมาณ 30 นาทีต่อ 1 เที่ยวแพขนานยนต์ เมื่อใช้สะพานอาจจะข้ามได้เร็วขึ้นจริง แต่ขีดจำกัดของการขนถ่ายสินค้าเมื่อลงสินค้าที่โกดัง น่าจะเสียเวลามากขึ้นเสียด้วยซ้ำ เมื่อโกดังสินค้ามีพนักงานเท่าเดิมแต่ปริมาณสินค้ามากขึ้น ดังนั้นเมื่อสินค้าข้ามได้เร็วแต่ทางด่านศุลกากรลาวที่มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 30 คนจะต้องทำงานเร็วขึ้น ซึ่งความเป็นไปไม่ได้ก็คือ เจ้าหน้าที่ของลาวมีไม่เพียงพอขนาดที่จะรองรับกับธุรกิจที่ขยายตัวในประเทศที่มีประชากรไม่ถึง 5 ล้านคน

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าเดื่อขยายเวลาทำงาน และเมื่อเดือนมีนาคมด่านศุลกากรท่านาแล้งขยายเวลาตรวจสินค้าเช่นกัน การตัดสินใจขยายเวลาของด่านทั้ง 2 เป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงภายในของลาว

การปรับเปลี่ยนดังกล่าว แหล่งข่าวจากกระทรวงต่างประเทศไทยได้ให้ความเห็นว่า "เป็นการแสดงให้ฝ่ายไทยมั่นใจว่า หน่วยงานราชการลาวมีความพร้อมรับการขยายตัวของธุรกิจเมื่อเปิดใช้สะพานเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงระบบราชการลาวเป็นระบบราชการหยุดนิ่ง และปรับตัวตามกระแสธุรกิจน้อยมาก สิ่งที่เจ้าหน้าที่ลาวได้รับจากสายธารทุนที่หลั่งไหลเข้ามาในลาว ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่านแดนนักท่องเที่ยว หรือการเก็บภาษีสินค้า คือรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่เกิน 30% ของเงินเดือนราชการลาว โดยเฉลี่ยคือ 30,000 กีบ หรือ 1,000 บาท เท่านั้น"

การทำธุรกิจในลาวของที.แอล. ไม่ใช่มีพื้นฐานบน "ความคาดหมาย" เพียงอย่างเดียว แต่ใช้ความสัมพันธ์ที่เป็นจริง และไม่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เป็นเพียงความคาดหมายซึ่งก็คือ การเปิดใช้สะพานแห่งนี้มาสร้างหลักประกันให้กับธุรกิจ แม้ว่าผลกระทบที่ตรงที่สุดคือแพขนานยนต์จะหมดบทบาทลง แต่โกดังสินค้ากลับมีบทบาทมากขึ้น

จากโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทที.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ คือ บริษัทร่วมทุนไทย-ลาว ฝ่ายไทยถือหุ้น 51% และฝ่ายลาว 49% หุ้นฝ่ายลาวคือบริษัท สันติภาพ อินเตอร์เทรด ซึ่งมีโรงงานผลิตสังกะสี และเป็นตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซด์แต่แม้จะเป็นบริษัทลาวคนที่เป็นกรรมการผู้จัดการกลับเป็นตัวศิริชัยนั่นแหละ

"ธุรกิจขนส่งสินค้าผ่านแดนเป็นเพียง 20% ของธุรกิจทั้งหมดของผมในลาวเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาลลาวเท่านั้น ซึ่งแพขนานยนต์ที่ท่านาแล้ง รัฐบาลลาวให้อยู่เพื่อเป็นเครื่องมือสำรองให้การขนส่งสินค้าไม่ให้ชะงักเมื่อการใช้สะพานเกิดปัญหาขึ้น โดยขอให้อยู่ 1 ลำสำหรับการขนเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถข้ามสะพานได้ เมื่อไม่นานมานี้กระทรวงภายในของลาวก็ขอมากับผมให้หาผู้ร่วมทุนตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยในลาว เนื่องจากนักลงทุนในลาวโครงการใหญ่ๆ ต้องการเจ้าหน้าที่ลาวให้ความสะดวก" กรรมการผู้จัดการที.แอล. กล่าว

ศิริชัยเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในด้านลึกกับรัฐบาลลาวที่แนบแน่นโดยเฉพาะกับกระทรวงภายในของลาวถึงขั้นที่มีการขอมาจากลาวบ่อยครั้ง

การลงทุนในลักษณะนี้เรียกได้ว่าไม่สุ่มเสี่ยงตราบเท่าที่สายอำนาจในลาวยังไม่เปลี่ยนแปลง

การคงอยู่ของที.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดของผลกระทบที่มากับสะพานข้ามแม่น้ำโขง สะพานไม่ได้ทำให้ที.แอล. ล้มหายตายจากไปจากวงจรธุรกิจในลาว แต่มีการปรับตัวตามสภาพความเป็นจริงของเหตุการณ์

แต่มีเหตุการณ์อีกหลายอย่างเกี่ยวพันกับธุรกิจอื่นๆ ที่ดูเหมือนไม่ได้ผลดีผลเสียอะไรกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงโดยตรง ทว่าสะพานก็สร้างแรงกระทบให้อย่างไม่น่าเชื่อ

โครงการพัฒนาที่ดินเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น นักธุรกิจไทยเคยได้ประโยชน์เมื่อมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมไทย ดังเช่นการเก็งกำไรที่ดิน เมื่อถนนตัดผ่านในรูปของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดเดาว่าการทำธุรกิจที่ดินในเวียงจันทน์หลังการเปิดใช้สะพานมิตรภาพแล้วจะได้ผลกำไรงดงาม ซึ่งดูเหมือนว่า ความคาดหมายดังกล่าวจะเป็นไปได้สูง

บาเลียน คำดาลานิกอน ประธานโครงการวังสันติสุข ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่ดินในพื้นที่เชิงสะพานมิตรภาพในฝั่งลาวที่มีกลุ่ม "โพธิสุธน" เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ เปิดเผย "ผู้จัดการ" ว่า ทันทีที่มีข่าวว่าจะมีการสร้างสะพานแห่งนี้ กลุ่มนักธุรกิจไทยพยายามที่จะติดต่อขอซื้อที่ดิน จนออกมาในรูปของโครงการพัฒนาที่ดินอย่างเดียวกับที่ทำให้ราคาที่ดินแถบถนนสายท่าเดือ-เวียงจันทน์ขยับตัวสูงขึ้นมาก

ไม่เพียงแต่ "โพธิสุธน" เท่านั้น กลุ่ม "เหมราช" ของสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาในรูปแบบเดียวกันในพื้นที่ติดกันและอยู่ใกล้สะพานมากกว่าเสียด้วยซ้ำ และพื้นที่บริเวณเชิงสะพานมิตรภาพ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าใจกลางกรุงเวียงจันทน์ โดยที่ทั้งสองโครงการต้องการใช้พื้นที่ประมาณโครงการละ 12,500 ไร่

โครงการของวังสันติสุขประกอบด้วย สนามกอล์ฟ รีสอร์ท พื้นที่จัดแสดงสินค้าถาวร และโครงงานอุตสาหกรรม โดยอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดการสร้างเขตเศรษฐกิจ เพื่อการส่งออกที่อาศัยการโอนย้ายเทคโนโลยีทางการผลิตจากฝั่งไทย มีเป้าหมายเพื่อส่งออกสินค้าขึ้นเหนือตามเส้นทางหมายเลข 13 ต่อด้วยหมายเลข 10 เพื่อขึ้นสู่จีนและเวียดนาม ซึ่งใช้โครงการพัฒนาสาธารณูปโภคของรัฐบาลลาวเป็นตัวรองรับ

ตามแผนการก่อสร้างสาธารณูปโภคของรัฐบาลลาว คือโรงจ่ายกระแสไฟฟ้า และสถานีน้ำประปาจะสร้างขึ้นบริเวณท่านาแล้งซึ่งจะต้องผ่านโครงการของเหมราชก่อน ที่สำคัญการลงทุนของต่างประเทศในด้านโรงงานอุตสาหกรรม เป็นที่แน่นอนว่าจะต้องเลือกพื้นที่ที่มีสาธารณูปโภคพร้อมและง่ายต่อการขนส่ง เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานมิตรภาพมากกว่า ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่แตกต่างกันมานักระหว่างผู้เช่าช่วงกับเจ้าของโครงการ คืออัตราค่าเช่าซึ่งรัฐบาลลาวมีนโยบายสร้างให้มีมาตรฐานเดียวกันทุกโครงการ

ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม สิ่งนี้ก่อให้เกิดผลทางอ้อมที่ส่งให้ราคาที่ดินในแขวงเวียงจันทน์ขึ้นสูงกว่า 50% จากการเข้าไปของโครงการใหญ่ๆ ทั้ง 2 โครงการนี้ปรากฏให้เห็นเมื่อปลายปี 2536 และนักธุรกิจไทยในกลุ่มอีสานหลายกลุ่มได้เข้าไปหวังจะกว้านซื้อที่ดินแม้ว่าจะไม่มมีตัวโครงการในมือ

เลื่อน สมบูนขัน รองประธานคณะกรรมการแผนการและความร่วมมือได้แสดงความวิตกกังวลต่อผลกระทบของโครงการต่างๆ ที่เข้ามาในลักษณะของการพัฒนาที่ดิน โดยกล่าวว่ามีปัญหาที่เกิดจากโครงการดังกล่าวนี้มาก ทั้งทางสังคมซึ่งคือการอพยพประชาชน และราคาที่ดินที่สูงขึ้นจากการซื้อขายโดยการโอนสิทธิ์ที่คนลาวเป็นผู้ขอโอน เนื่องจากกฎหมายที่ดินของลาวไม่อนุญาตให้คนต่างชาติซื้อที่ดินได้

ความวิตกนี้ทำให้มีแนวโน้มว่า คณะกรรมการการลงทุนลาวจะอนุมัติโครงการในลักษณะนี้ยากขึ้นเมื่อรัฐบาลลาวไม่สามารถควบคุมราคาที่ดินได้ ซึ่งในขณะนี้สูงขึ้นถึงไร่ละ 70,000 บาทถึง 1 ล้านบาทในตลอดเส้นทางสายท่าเดื่อ-เวียงจันทน์ และแนวโน้มในปี 2537 นี้รัฐบาลลาวอาจจะมีนโยบายลดการซื้อขายที่ดินในเขตทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่มีรูปธรรมให้เห็น


หากหันมามองที่ราคาที่ดินฝั่งไทยแล้วจะพบว่า ที่ดินแถบหนองคายขยับตัวสูงขึ้น ก่อนที่ที่ดินฝั่งลาวจะมีราคาเหมือนในปัจจุบัน ที่ดินเชิงสะพานในจังหวัดหนองคายถูกคาดหมายล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะมีราคาสูง ซึ่งได้มีการจับจองและสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ โรงแรม บ้านจัดสรรและศูนย์การค้า พร้อมกับพื้นที่ขายสินค้าได้ถูกจองไว้หมดตั้งแต่ต้นปี 2537 นอกจากธุรกิจพัฒนาที่ดินแล้ว โรงแรมเป็นหนึ่งในธุรกิจที่คาดหวังและเก็งกำไรกับปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะมาพร้อมกับการเปิดใช้สะพานมิตรภาพ ทั้งโรงแรมในเวียงจันทน์และโรงแรมในหนองคาย

โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในหนองคาย คือโรงแรมแกรนด์และโรงแรมแม่น้ำโขงฮอลิเดย์ อินน์ ส่วนฝั่งลาวในกรุงเวียงจันทน์คือ โรงแรมเบลเวเดียของสิงคโปร์ ห้องพักของโรงแรมเหล่านี้และโรงแรมอื่นๆ ทั้งในเวียงจันทน์และหนองคายได้รับการจับจองจนเต็มก่อนหน้าที่จะถึงกำหนดเปิดสะพานล่วงหน้า 1 เดือน

เอนดรู กง กรรมการผู้จัดการบริษัท กรูทรี่อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทสิงคโปร์ที่เข้ามาบริหารโรงแรมเบลเวเดีย กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาพักที่เวียงจันทน์มากกว่าหนองคาย เนื่องจากการข้ามแดนโดยไม่ต้องใบผ่านแดนสามารถที่จะค้างคืนได้ และสำหรับการขอวีซ่าก็สะดวกมากกว่าที่จะข้ามมาและกลับไปในวันเดียว และรัฐบาลลาวเองก็มีแนวโน้มว่า จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการผ่านแดนให้มีความสะดวกมากขึ้น เห็นได้จากการขยายเวลาเปิดด่านท่าเดื่อตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา

สำหรับโรงแรมแกรนด์ (หนองคาย) ได้คาดหมายทางธุรกิจไว้เช่นกันว่า นักท่องเที่ยวที่ข้ามไปเวียงจันทน์ได้สะดวกขึ้นโดยรถยนต์ข้ามสะพาน เป็นไปได้สูงว่าจะกลับมาพักที่หนองคายเพราะใช้เวลาไม่นานในการไปและกลับ ซึ่งถ้าไปกลับในวันเดียวจะเสียค่าใช้จ่ายต่ำกว่า และในปัจจุบันผู้ที่เดินทางเข้าลาว 80% ยังคงใช้ใบผ่านแดนซึ่งต้องไปกลับในวันเดียว

การคาดการณ์ที่แตกต่างกันของธุรกิจทั้ง 2 ฝั่งมีสาเหตุมาจากความไม่ชัดเจนของจัดระบบการผ่านแดนเข้าออกระหว่างไทยกับลาว ที่เคยมีปัญหามาโดยตลอด เฉพาะปี 2536 มีการปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าเดื่อเพื่อให้ยึดตามข้อตกลงเดิมในสมัยรัฐบาลพลเอก เกรียงศักดิ์ กับรัฐบาลลาวที่มี ท่านไกสอน เป็นประธานประเทศ ว่าด้วยระเบียบการอนุญาตให้ผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ห่างจากแต่ละประเทศไม่เกิน 25 กิโลเมตรผ่านเข้าออกได้ ทำให้แทบจะไม่มีคนข้ามไป-มากว่า 3 วัน

ทั้งที่ความคาดหวังของนักธุรกิจเริ่มวิ่งไปข้างหน้าแล้ว เมื่อสะพานเปิดสะพานอย่างเป็นทางการ แต่ความชัดเจนตามความคาดหวังต่างมีน้อยมาก ผลที่จะเกิดขึ้นจากการคาดการณ์จะส่งผลได้ทั้งทางลบและทางบวก

ผลทางบวกอย่างดีที่สุดก็คือ การเตรียมพร้อมการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศอินโดจีนซึ่งใช้ประเทศลาวเป็นทางผ่านในระยะยาว สำหรับผลทางลบที่จะเกิดขึ้นมาก เป็นการสร้างความต้องการซื้อขายในระดับที่เกินกว่าเป็นจริงให้เกิดขึ้นในลาว และความตื่นตัวทั้งหมดก็จะหยุดนิ่ง เมื่ออยู่ในระยะเวลาที่ไม่เกิดซื้อขายจริงดังที่คาดการณ์มาถึง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นทางภาคตะวันออกของไทยสมัยรัฐบาลชาติชาย

แต่ถึงอย่างคนทั่วไปต่างก็คาดหวังสูงเสมออย่างเช่น ผู้บริจาคอย่าง "ออสเตรเลีย" จากคำแถลงของ โรเบิร์ต เพาว์ที่ว่า "ความฝันที่จะเชื่อมประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวกับประเทศไทยที่มีมานานหลายปีก็จะเป็นความจริง ด้วยการเริ่มเปิดการคมนาคมข้ามแม่น้ำโขงโดยสะพานแห่งแรก มากไปกว่าโครงสร้างสะพานที่เป็นคอนกรีตและโครงเหล็ก สะพานข้ามโขงแห่งนี้ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ความหวัง และอนาคตแห่งการพัฒนา เพื่อประเทศไทย ลาว และภูมิภาคอินโดจีน"

ไม่แตกต่างกันนักกับถ้อยแถลงทั้งจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลลาว ที่เห็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งนี้เป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างยิ่งยวด

การคาดการณ์ทั้งหมดนี้ ที่สะพานมิตรภาพจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ การเป็นสื่อกลางในสัมพันธไมตรีลาวกับไทยที่เริ่มมีการหารือกันบ่อยครั้งขึ้น แม้ว่าข้อตกลงอย่างเป็นทางการในด้านเทคนิคการดำเนินการสะพานมิตรภาพไทย-ลาวยังไม่สมบูรณ์ แต่การเจรจาที่ได้ข้อสรุปในบางประเด็นทำให้เห็นสัมพันธภาพที่มีขึ้น

สำหรับสะพาน ในฐานะเครื่องมือทางเศรษฐกิจมีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้เท่าๆ กันกล่าวคือ ความสะดวกในการขนส่งที่จะมีขึ้นจากสะพานนั้น ล้วนสัมพันธ์กับระบบการจัดการภายในประเทศลาวอย่างแน่นแฟ้น อย่างเช่น ระเบียบการห้ามรถเข้าเวียงจันทน์เมื่อข้ามจากสะพานมาแล้ว การขนถ่ายสินค้าได้เพียงจุดเดียว การออกใบผ่านแดนที่ให้เพียง 3 วัน และการเปลี่ยนแปลงของลาวที่มักจะเกิดขึ้นโดยกระทันหันทั้งหมดนี้ อาจทำให้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวไม่น่าจะมีศักยภาพทางเศรษฐกิจเท่าที่คนพูดกัน

สะพานมิตรภาพไทย-ลาวเป็นความจำเป็นทางเศรษฐกิจของลาวด้วยความคิดเบื้องต้นในทางภูมิศาสตร์ที่ลาวเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล จึงต้องใช้ดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเป็นเส้นทางขนส่ง และประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมของเส้นทางมากกว่ากัมพูชาและเวียดนาม แต่เมื่อมีสะพานเกิดขึ้นจริง นักลงทุนไทยเริ่มคาดหวังในสิ่งที่มากกว่าการเชื่อมต่อเส้นทางขนส่งไทย-ลาว ผลที่ออกมาจึงเป็นความขัดแย้ง และความคาดหวังที่ยังรอการพิสูจน์

ความคาดหวังทั้งหมดนี้อาจจะเลื่อนลอยหรือสำเร็จได้ล้วนขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลลาวยุค "เศรษฐกิจในจินตนาการใหม่" ที่ใจหนึ่งอยากจะเปิดประเทศรับการหลั่งไหลของทุน แต่อีกใจหนึ่งต้องการคุมสภาพและปริมาณของทุนที่เข้ามาให้ได้ เรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายจึงมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us