Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2538
"KPN VISION 2000 งานประกาศอิสรภาพของ เกษม ณรงค์เดช"             
 


   
search resources

เคพีเอ็น กรุ๊ป, บจก.
เกษม ณรงค์เดช
Economics




การจัดงานเมื่อค่ำคืนที่ 5 ตุลาคม ณ โรงแรมดุสิตธานี โดยกลุ่มเคพีเอ็น มีเพียงวัตถุประสงค์เดียว

เพื่อการเปิดภาพของอาณาจักรเคพีเอ็นออกสู่สายตาของสังคมรอบข้าง

ประหนึ่งว่าพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยตัวตน ว่ายิ่งใหญ่เพียงไร

จากวันนี้ ตราบจนอนาคตอันยาวไกล กลุ่มเคพีเอ็นพร้อมที่จะยืนหยัดด้วยความมาดมั่น ด้วยลำแข้งของตนเอง มิใช่ใต้เงา "พรประภา" ดังเช่นอดีตที่ใคร ๆ ต่างก็มองเป็นเช่นนั้น

การแถลงข่าวถึงโครงสร้างใหม่ขององค์กร จึงเป็นเพียงองค์ประกอบที่มีสาระให้นักข่าวจับต้องได ้เพื่อที่งานจะได้ดำเนินไปอย่างมีอรรถรสเท่านั้น เพราะต่างก็รู้กันอยู่ ด้วยโครงสร้างใหม่มีการพูดมาหลายคราวในหลายสถานที่ เพียงแต่ยังไม่มีการนำมาประติดประต่อเท่านั้น

บรรยากาศงานค่ำคืนนั้น เน้นการมุ่งไปข้างหน้า ไปยังอนาคตแค่เอื้อมสมกับชื่องาน "KPN VISION 2000" จะมีเพียงภาพอดีตที่คัดมาบางช่วงตอนเพื่อการต้องการลืมเลือนบางสิ่งบางอย่างที่ปวดร้าว

"ภายใน ค.ศ. 2000 เคพีเอ็นจะต้องเติบโตเท่าตัว"

เกษม ณรงค์เดช ประธานกลุ่มเคพีเอ็น กล่าวถึงความหมายของงาน

จากปัจจุบันกลุ่มเคพีเอ็นมียอดการจำหน่ายทั้งสิ้นราว 20,000 ล้านบาทต่อปี นั่นหมายความว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้ การเติบโตจะมีไม่ต่ำกว่าปีละ 20% ซึ่งเกษมกล่าวว่า เป็นไปได้

แต่ความหมายสำคัญกลับไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเติบโตปีละเท่าไร

เกษมกล่าวชัดเจนว่า ในช่วงระยะเวลา 5 ปีจากนี้ กลุ่มเคพีเอ็น จะพยายามปรับเปลี่ยนสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่าง ๆ ในกลุ่ม ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือโครงสร้างการดำเนินธุรกิจจะเปลี่ยนไป สิ่งที่ดำเนินการอย่างเข้มข้นในวันนี้ อาจเป็นเพียงธุรกิจเสริมในวันข้างหน้า

"ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะธุรกิจมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไป ใครที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ มัวแต่ชื่นชมกับความสำเร็จของธุรกิจในอดีตหรือเพียงปัจจุบัน ย่อมอันตรายสำหรับอนาคต" คำกล่าวที่บ่งบอกวิสัยทัศน์ของเกษม

จากยอดการจำหน่ายราว 20,000 ล้านบาทต่อปีในปัจจุบัน จะเป็นยอดจากการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าถึงประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่ามีมากเกินไป ซึ่งตรงนี้ทางกลุ่มพยายามจะปรับเปลี่ยน ให้สัดส่วนลดลง แต่มิใช่ว่าจะลดการเติบโตของยอดจำหน่ายจักรยานยนต์ยามาฮ่า

สิ่งที่ทางกลุ่มพยายามจะทำก็คือ การเน้นการลงทุน และขยายช่องทางการตลาดสำหรับอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่บริษัทดำเนินการอยู่ โดยนับจากนี้ไปภายใน 5 ปี อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จะกลายเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มเคพีเอ็นทดแทนยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า

"เราขายของเพียงอย่างเดียว และมัวแต่ชื่นชมกับยอดขายที่มีมากในแต่ละปี คงไม่ได้ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็เพียงแค่ได้ขายของเรื่อย ๆ ไปเท่านั้น สิ่งที่ทางกลุ่มเคพีเอ็นพยายามจะทำก็คือ การเติบโตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ในลักษณะที่เป็นทั้งผู้ผลิต พัฒนาและวิจัยเพื่อผลิตสินค้าด้วยตนเอง ไม่ใช่การรับออร์เดอร์และวิธีการผลิตเพื่อมาผลิตป้อนให้เท่านั้น ถ้าเช่นนั้นเราไม่มีวันโตไปกว่านี้ได้ และอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศก็ไม่มีวันที่พึ่งพาตัวเองได้ เราจึงต้องคิดหาหนทางให้กลุ่มเคพีเอ็นก้าวไปถึงขั้นนั้นให้ได้" เกษมกล่าว

เกษมกล่าวด้วยว่า การตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี หรือการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจเสียใหม่ ก็เพื่อนโยบายหลักอันนั้น ทำให้การบริหารงานคล่องตัวขึ้น ไม่อืดอาดเหมือนที่ผ่านมา และแน่นอนว่า ความชัดเจนจะมีมากขึ้น จะรู้ว่าธุรกิจใดจะก้าวไปทางไหน ควรจะขยายงานอย่างไร

"อย่างขณะนี้นอกจากเราวางเป้าหมายว่า อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะเป็นหัวใจหลักของเราแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากพลาสติกและการผลิตสินค้าด้านอุปโภค-บริโภคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นไลน์ที่เราพยายามแตกออกไป"

ในอนาคตเคพีเอ็นจะเน้นการร่วมมือทางธุรกิจให้มากขึ้นเพราะการร่วมทุนกับผู้ที่มีโนว์ฮาวด้านต่าง ๆ ยังมีความจำเป็นอยู่

แม้ว่าเกษมจะย้ำว่าทิศทางการเติบโตต่อจากนี้ ด้วยนโยบายพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มาถึงขณะนี้กลุ่มเคพีเอ็นได้สูญเสียพันธมิตรที่นับว่าเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่อาจกล่าวได้ว่า เกื้อหนุนให้กลุ่มเคพีเอ็นได้มีวันนี้ไปเสียแล้ว อย่างถาวร !

เพราะถ้าไม่นับรวมคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช และบุตรชายอีก 3 คนแล้ว ในงานค่ำคืนนั้น ไม่มีทายาทของตระกูลพรประภาทางสายเลือดคนใดมาร่วมงาน แม้เพียงคนเดียวก็ไม่มี

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม งานเปิดตัวอาณาจักรเคพีเอ็นอันยิ่งใหญ่ ณ ค่ำคืนนั้น ได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่า อาณาจักรณรงค์เดช มิได้อยู่ใต้เงาพรประภาอีกต่อไป

ในเชิงธุรกิจ ถึงขณะนี้การติดต่อค้าขายระหว่างสยามกลการกับกลุ่มเคพีเอ็น เหลือน้อยเต็มที

เกษมกล่าวว่า ประมาณหนึ่งปีมาแล้วที่ทางสยามกลการยกเลิกการซื้อสินค้าจากลุ่มเคพีเอ็นทุกรายการ ขณะที่ทางกลุ่มเคพีเอ็นยังคงมีซื้อสินค้าจากลุ่มสยาม อยู่บ้าง เช่น แบตเตอรี่ โช้กอัพ และหัวเทียน มูลค่าซื้อขายปีหนึ่ง ๆ ก็หลายร้อยล้านบาท

"เหตุผลที่ทางเขายกเลิกการซื้อสินค้าจากเรา ก็คือ สินค้าไม่ตรงสเปกกัน ก็เท่านั้น ส่วนทางเราก็ยังซื้อจากทางเขาก็เพราะเห็นว่าตัวสินค้ายังใช้ได้อยู่ แต่ถึงวันนี้ เราจะยกเลิกการซื้อสินค้าจากทางกลุ่มสยามเมื่อไรก็ได้ เพราะสินค้าที่เรายังมีการซื้ออยู่นั้นก็เพียงไม่กี่อย่าง และจะหาซื้อจากผู้ผลิตอื่นทดแทนก็ไม่ใช่เรื่องยาก"

ณ ค่ำคืนนั้น กลุ่มเคพีเอ็นประกาศชัดเจนถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรกล โลหะการ อุตสาหกรรมชิ้นส่วน เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับความสามารถในการผลิตและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

พวกเขาประกาศชัดเจนถึงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้กลุ่มเป็นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งในประเทศ และภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งจะเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก

และมิใยที่กลุ่มเคพีเอ็นจะประกาศออกมาอย่างชัดเจนแต่ ณ ค่ำคืนนั้น ค่ำคืนที่ถือเป็นงานเปิดตัวกลุ่มเคพีเอ็นอย่างเป็นทางการครั้งแรก

ดูจะกลายเป็นงานประกาศอิสรภาพของกลุ่มเคพีเอ็น ที่ผงาดพ้นเงากลุ่มสยาม อย่างไม่อาจจะเข้าใจเป็นอื่นได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us