|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
หุ้น EVER สุดแกว่งระหว่างวันรูดเกือบติดฟลอร์ก่อนมีแรงไล่ซื้อช่วง 10 นาทีสุดท้ายดันหุ้นขึ้น 3.73% หลังหมดไซ่เลนต์รอบแรก 25% ขณะที่นักลงทุนขาใหญ่กังวลโดนตลท.สั่งใช้มาตรการห้ามเน็ท-มาร์จิ้นเทขายหุ้นทิ้งช่วงเช้าก่อนกลับเข้ามารับช่วงท้ายตลาด ด้านโบรกฯ เชื่อมีโอกาสร่วงอีก แนะเลี่ยงลงทุน
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER หลังจากราคาปรับตัวลดลงส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่เป็นวันแรกที่ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถนำหุ้นที่ติดไซเล่นต์พีเรียดจำนวน 25% หรือ 73.86 ล้านหุ้นมาขายในกระดานได้ โดยราคาหุ้นวานนี้ปิดที่ 6.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 3.73% โดยแรงมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในช่วง 10 นาทีก่อนปิดตลาด ขณะที่ระหว่างวันราคาปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 4.90 บาท ลดลง 1.80 บาท หรือ 26.87% มูลค่าการซื้อขาย 174.34 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น EVER ปรับตัวค่อนข้างรุนแรงจนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ออกมาเปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการตรวจสอบความผิดปกติของการขึ้นลงของราคาหุ้น โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.46 บาท หรือ 10.13% จากราคาปิดวันก่อนซึ่งอยู่ที่ 4.54 บาท โดยหลังจากนั้นราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 9 วันติดต่อกันทำให้ราคาปรับตัวขึ้นมาสูงสุดที่ 11.70 บาท เพิ่มขึ้น 7.16 บาท หรือ 157.70%
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรงโดยราคาปรับตัวลดลงติดฟอร์โดยปิดที่ 8.20 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 29.91% เนื่องจากมีข่าวว่านักลงทุนที่เข้ามาไล่ราคาหุ้นเริ่มเทขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรและหยุดเทรดเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์
แหล่งข่าวนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้ราคาหุ้น EVER ปรับตัวลดลงรุนแรงเนื่องจากกลุ่มทุนที่พยายามเข้ามาสร้างราคาหุ้นก่อนหน้านี้เริ่มกังวลกับการตรวจสอบความผิดปกติของราคาหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจจะมีคำสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน(Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งเริ่มไม่ปล่อยมาร์จิ้นให้ลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อหุ้น EVER แล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มทุนดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนตัวที่จะเข้ามาเก็งกำไรแล้ว ทำให้จะเห็นได้ว่าหุ้นเก็งกำไรอื่นเริ่มมีแรงซื้อขายเข้ามาคึกคักมากขึ้นแต่ยังเชื่อว่ายังมีโอกาสที่หุ้น EVER จะกลุบมาคึกคักอีกครั้งเนื่องจากน่าจะยังมีข่าวดีของบริษัทที่ทำให้นักลงทุนกลับมาเล่นกันได้อีก โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของ EVER เป็นเพียงการขายทำกำไรหลังจากที่ราคาหุ้นก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากโดยประเด็นที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนคือเรื่องการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ในปีนี้ ประกอบกับราคาหุ้นดังกล่าวไม่สูงมากทำให้การเข้ามาเก็งกำไรในแต่ละช่วงใช้เงินลงทุนไม่มากจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นักลงทุนรายใหญ่มักจะเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ตามสัญญาณทางเทคนิคหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงหลุดแนวรับ 5.44 บาท มีโอกาสที่ราคาจะปรับลดลงได้ต่อเนื่อง โดยแนวรับต่อไปอยู่ที่ 3.65 บาท
อนึ่งก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์อเห็นควรให้หลักทรัพย์ของบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) จากหมวด REHABCO ไปยังหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง)พร้อมทั้งปลดเครื่องหมาย SP (Suspension) และอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ EVER ได้ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2549 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงานของบริษัท (Strategic Shareholders) ได้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม กรรมการ และผู้บริหารของบริษัทรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว รวมทั้งผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้วและผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งถือหุ้นสามัญ 295,428,932หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 98.487 ของทุนชำระแล้ว ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ทั้งหมดของตนออกขายภายใน 1 ปี (Silent Period) นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของ EVER กลับมาทำการซื้อขายในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง) โดยในช่วง 6 เดือนแรก ผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทยอยขายหลักทรัพย์ได้ร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขายทั้งหมดและใน 6 เดือนถัดไปสามารถทยอยขายหลักทรัพย์ได้อีกร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขายทั้งหมด
|
|
 |
|
|