Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2540
ภาวะหุ้นปี 2540 ยังเป็นปีที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ             
 


   
search resources

เทเลคอมเอเซีย, บมจ.
Stock Exchange




เป็นธรรมเนียมประเพณีไปแล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปีเลยไปจนถึงย่างเข้าปีใหม่เหล่าบรรดาเซียนหุ้นและโหรเศรษฐกิจทั้งหลาย จะต้องออกมทำนายทายทักถึงแนวโน้มหุ้นและภาวะเศรษฐกิจในปีต่อไป และตัวเลขการคาดการณ์เหล่านี้ก็มักจะมองข้ามไม่ได้เสียด้วยเนื่องจากเป็นสิ่งที่มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้คนในภาคธุรกิจ เรื่อยมาจนถึงประชาชนเดินดินกินข้าวแกงเช่นเราท่านทั้งหลาย เพราะมีผลต่อเรื่องอัตราเงินเฟ้อและสินค้าราคาแพง และปีนี้ก็เช่นกัน มีหลายสำนักที่จัดสัมมนาขึ้น

เริ่มจากบริษัทเทเลคอมเอเชียได้ร่วมกับรายการมันนี่ทอล์ค จัดสัมมนาแนวโน้มหุ้นในปี 2540 ขึ้นถือว่าเป็นงานใหญ่ในรอบปีที่เดียว มีผู้เข้าร่วมสัมมนาหลายท่าน เช่น กรณ์ จาติกวณิช จากบริษัทเจเอฟธนาคม ก็ได้ทำนายว่าปีนี้ยังเป็นปีที่เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงบอบช้ำอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา สิ่งแรกที่จะเห็ดชัดเจนคือดัชนีราคาหุ้นยังไม่สามารถขยับตัวขึ้นสูงได้ แต่ทั้งนี้ยังต้องพึ่งทางรัฐบาลว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้คลี่คลายได้มากน้อยเพียงใด

"ในช่วงปีที่ป่านมานักลงทุนทางด้านสถาบันใหญ่ๆ ในต่างประเทศยังมองว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ให้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นน้อยที่สุดในโลก และสร้างความผิดหวังให้นักลงทุนเป็นอย่างมาก จนเป็นผลให้มีการเทขายอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่ากว่าที่จะกลับเข้ามาใหม่ต้องใช้เวลาอีกนาน หรืออย่างน้อยรัฐบาลต้องทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"

กรณ์ ชี้ว่าความจริงแล้วภาวะโดยรวมของเศรษฐกิจโลกก็ไม่ค่อยสดใสนักทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเอง ก็ไม่ค่อยมีกำลังมากพอที่จะเข้ามาลงในตลาดหุ้นได้เช่นในอดีต ดังนั้นจึงแนะนำว่าหากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นก็ยังไม่ควรที่จะเร่งรีบควรจะต้องรอดูระยะเวลาให้ชัดเจน แม้ว่าราคาหุ้นหลายตัวจะลดลงมากแล้วก็ตาม แต่กำลังซื้อของนักลงทุนรายย่อยในประเทศ ยังไม่เหมือนนักลงทุนประเภทสถาบัน ซึ่งอาจเกิดการเพลี่ยงพล้ำในการลงทุนในหุ้นได้อีก

เนื่องจากมีหุ้นอยู่ประมาณ 200 ตัวที่มีแนวโน้มว่าน่าจะฟื้นตัวได้ยาก และนักลงทุนต่างชาติยังคงเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักเช่น ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เงินทุนหลักทรัพย์

ซึ่งความเห็นของกรณ์นั้นส่วนใหญ่จะสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ แอสเซทพลัส ที่กล่าวเสริมว่าการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในปี 2540 คงจะแกว่งตัวในลักษณะที่ผันผวน และมีการดีดขึ้นแรงในบางช่วง เพื่อทดสอบว่าจะสามารถไปต่อได้หรือไม่ หากภาวะเศรษฐกิจดีก็คงจะปรับตัวต่อเนื่องแต่ไม่มากนักแต่ถ้าภาวะเศรษฐกิจไม่ดีก็คงจะปรับกลับมาที่เดิมและแกว่งตัวผันผวน

ดร.ก้องเกียรติ บอกด้วยว่า "ประเด็นสำคัญของตลาดหุ้นปีนี้อยู่ที่ ภาพรวมของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด หากยังไม่ดีขึ้นจะมีผลต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และบางทีค่าเงินบาทก็อาจจะกำลังจับตามองในจุดนี้ในทางลบสูง"

สถานะของสถาบันการเงินก็เป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนอาจเกิดความหวั่นเกรงได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจะทำให้สถาบันการเงินตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญได้เพียงพอหรือไม่ เพราะอาจก่อหนี้เสียได้ในอนาคต

ทางด้านอัตราผลตอบแทนกำไรสุทธิที่ลดลง 14.5% ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจากที่เคยคาดการณ์ว่าจะดีขึ้นในช่วงต้นปี แต่แล้วในไตรมาสที่ 4 ของปี 2539 ก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจบางประเภทจะเกิดความเสื่อมขึ้น เช่นสถาบันการเงิน

ทางด้านโกศล ไกรฤกษ์ ประธานกรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ตะวันออกฟายแน้นซ์กล่าวว่า วิธีการแก้ไขปัญหาที่จะให้นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาอีกครั้ง จะต้องมีการแก้ไขกฎเกณฑ์บางส่วน คือปรับอัตราภาษีนิติบุคคลให้ต่ำลง มีกฎหมายครอบคลุมไม่ให้ล้าสมัยที่จะก่อให้เกิดเป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ

นอกจากนี้ควรมีความโปร่งใสในการประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐ ไม่มีปัญหาการคอร์รัปชั่นอย่างโจ่งแจ้งจากคนของรัฐ รวมทั้งรัฐบาลไม่ควรมีกฎเกณฑ์ที่ซ้ำซ้อน และนโยบายการค้าเสรี จะต้องมีหลักเกณฑ์ปฏิบัติที่ชัดเจน เขาเชื่อว่า

"ในความเป็นจริงแล้วเรายังมีบางส่วนที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับเขาได้ คือมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง และมีงบประมาณเกินดุลติดต่อกันเป็นปีที่ 10"

ท่านสุดท้ายในการสัมมนาครั้งนี้คือ ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ที่สนใจเรื่องเศรษฐกิจและการเงิน เขาบอกว่าทิศทางการฟื้นตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปี 2540 นี้ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลักโดยเฉพาะปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งหากปรับตัวลดลงได้ จะทำให้ดัชนีสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการขยายตัวของการส่งออก หากสามารถขยายตัวอยู่ในราว 6-7% ตลาดหุ้นก็จะตอบสนองในทางที่ดีขึ้น ถือว่าเป็นคำคาดการณ์ที่สร้างความอบอุ่นให้กับเซียนหุ้นได้ชุ่มชื่นหัวใจได้บ้าง แม้ว่าจะดูลางเลือนเต็มทีก็ตาม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us