หุ้น PA พุ่ง 28.70% สวนตลาด ผู้บริหารงงเหตุไม่มีปัจจัยบวกเช้ามาหนุน มั่นใจรายได้ไตรมาส 2/49 เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่โบรกฯชี้แม้ช่วงสั้นๆจะมีโอกาสขึ้นได้อีกแต่แนะเลี่ยงลงทุนเหตุพื้นฐานไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PA หลังจากที่ราคาหุ้นปรับขึ้นเป็นอันดับหนึ่งสวนการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดยราคาหุ้นปิดที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.65 บาท หรือ 28.70% ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของวัน ขณะที่ราคาต่ำสุดของวันอยู่ที่ 6.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 147.81 ล้านบาท

นางชนินทร์ทร วงศ์ทองดี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PA กล่าว่า ไม่ทราบถึงสาเหตุที่ราคาหุ้น PA ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้บริษัทยังไม่ได้มีข่าวบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2549 คาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้

สำหรับโครงการใหม่ของบริษัท ขณะนี้บริษัทกำลังเตรียมที่จะก่อสร้างโรงแรมใหม่ที่เกาะสมุยในเร็วๆ นี้คาดว่าประมาณปลายปี 2549 โรงแรมดังกล่าวคงจะก่อสร้างเสร็จ โดยตอนนี้อยู่ขั้นตอนของการออกแบบ เลือกแบบ และเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างโดยงบประมาณในการลงทุนยังไม่ได้ระบุไว้แน่ชัด

นางสาวลินดา โชคชูชัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น บมจ.แนเชอรัล พาร์ค หรือ N-PARK และบมจ. แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ หรือ PA สวนทิศทางของตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไปอย่างไม่มีสาเหตุ แต่อาจจะเกิดจากแรงเก็งกำไรเนื่องจากเป็นหุ้นขนาดเล็ก

ทั้งนี้ โดยปกติหุ้นขนาดเล็กมักจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในช่วงที่ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยซึ่งการปรับตัวขึ้นของหุ้นขนาดเล็กๆไม่มีผลต่อการปรับขึ้นหรือลดลงของดัชนี โดยยังไม่แนะนำเข้าลงทุนในหุ้น N-PARK และ PA เพราะเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ

ในส่วนของสัญญาณทางเทคนิค คาดว่า N-PARK ยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในระยะสั้น โดยแนวรับอยูที่บริเวณ 0.36 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 0.42 บาท ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าเก็งกำไรได้ ขณะที่หุ้น PA ไม่แนะนำเข้าลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นซบเซานักลงทุนบางกลุ่มจะพยายามหันเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กซึ่งในรอบนี้จะเห็นได้ว่าหุ้น PA ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นเก็งกำไรอื่น โดยส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะหุ้นดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความสนใจของตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ราคาค่อนข้างทรงตัว

ทั้งนี้ ในช่วงสั้นอาจจะมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นลดลงได้อย่างรวดเร็วซึ่งนักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เนื่องจากหากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงการปรับตัวขึ้นเป็นไปตามแรงเก็งกำไรเท่านั้น

"อาจจะเป็นแค่การหาหุ้นเข้ามาเล่นช่วงที่ตลาดซบเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนจะต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานประกอบด้วยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่"แหล่งข่าวกล่าว