"พลัสฯ"คุยฟุ้งครึ่งปียอดขายครึ่งปีทะลุเป้ารวมทั้งปี 4,000 ล้านบาท พร้อมรื้อเป้าหมายทั้งปีรวม 5,000-6,000 ล้านบาท เดินหน้าเปิดเพิ่ม 6 โครงการใหม่ ปรับกลยุทธ์ธุรกิจตัวแทนการขายและเช่าซื้อ ลดกลุ่มลูกค้ารายใหญ่เพิ่มน้ำหนักลูกค้ารายย่อย ลุยขยายช่องทางการตลาดใหม่ หวังสร้างแบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากที่สุด
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัทในเครือแสนสิริ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในระยะครึ่งแรกของปี 2549 ว่า บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขของเป้ายอดขายตลอดทั้งปี ทำให้บริษัทต้องปรับเป้าการขายในช่วงครึ่งปีหลังใหม่เพิ่มอีก 1,000-2,000 ล้านบาท รวมแล้วทั้งปีบริษัทจะมียอดขายเพิ่มเป็น 5,000-6,000 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดรับรู้รายได้ยังคงไว้ที่ 3,000 ล้านบาท
โดยแหล่งที่มาของรายได้ในช่วงครึ่งปีมาจากยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม 60% และทาวน์เฮาส์อีก 40% ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียม จะเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุนและขายต่อประมาณ 20-30% ส่งผลให้สัดส่วนของลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนของบริษัทเพิ่มเป็น 20-30% ต่อโครงการ จากเดิมบริษัทจะมีสัดส่วนประมาณ 10-15% ส่วนลูกค้าที่เหลืออีก 80% จะเป็นการซื้อเพื่อการอยู่อาศัย
" ยอมรับว่าสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนยังมีน้อยอยู่ เนื่องจากในแต่ละโครงการของบริษัท มีการพัฒนาจำนวนยูนิตออกมาขายค่อนข้างน้อย ประมาณ 200-300ยูนิตต่อโครงการเท่านั้น" นายเมธากล่าวให้เห็นถึงตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนในระยะข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ บริษัทแสนสิริได้ประกาศเป้าเป้ายอดขายทั้งปีเป็น 20,000 ล้านบาท จากเดิม 14,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 2 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้ 12,000 ล้านบาท
นายเมธา กล่าวถึงแผนการลงทุนในครึ่งปีหลังว่า จะมีโครงการใหม่ออกสู่ตลาดประมาณ 6 โครงการ ได้แก่โครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ในจำนวนเท่ากัน โดยกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ จะยังคงเน้นทำเลที่อยู่ติดกับระบบโครงข่ายรถไฟฟ้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าบีทีเอสในย่านรัชดาท่าพระ และย่านรัชดา-ลาดพร้าว ขนาดโครงการไม่ใหญ่ มีมูลค่าการขายต่อโครงการประมาณ 200-300 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท ขณะที่โครงการทาวน์เฮาส์ จะเน้นทำเลในย่านศรีนครินทร์ เกษตรนวมินทร์ มูลค่าการพัฒนาประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อโครงการ
นายเมธา กล่าวถึงตลาดธุรกิจตัวแทนขาย และเช่าซื้อของพลัสฯ หรือ "Plus Brokerage Cafe"ว่า ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ามาใช้ผ่านบริการผ่านสาขาย่อยและสาขาเต็มรูปแบบทั้ง 5 แห่ง ประมาณ 30,000 กว่าราย รวมถึงการเข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์ของบริษัทด้วย รวมแล้วในช่วงครึ่งปีสามารถสร้างรายได้จากบริการดังกล่าวแล้วประมาณ 91 ล้านบาท หรือประมาณ 51% ของเป้าที่วางไว้ทั้งปี 170-180 ล้านบาท
นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ปรับแผนในครึ่งปีหลัง โดยจะเพิ่มช่องทางการตลาดใหม่เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น ซึ่งภายในไตรมาสที่ 3นี้ จะมีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น 2 สาขา คือ สาขาย่อยที่อาคารสิริภิญโญ และอีก1สาขาในโครงการคอนโดมิเนียมสุขุมวิท พลัส เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น
นายเมธากล่าวยอมรับว่า หลังจากที่เปิดบริการดังกล่าว แม้จะมีลูกค้าเข้ามาเสนอให้ฝากขายหรือเช่าโครงการมากขึ้น แต่พบว่า ด้วยลักษณะของธุรกิจของพลัสที่มีการพัฒนาโครงการขายเหมือนกับลูกค้า ทำให้ถูกมองว่า โอกาสที่จะเสนอขายสินค้าของบริษัทก่อนที่จะเสนอขายสินค้าของลูกค้า ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง จะปรับแผนโดยลดสัส่วนลูกค้าประเภทฝากขายหรือเช่าโครงการ หรือกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ลงไป และจะหันมาเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นรายย่อยเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างลูกค้ารายใหญ่และบริษัทแม่ลง
ปัจจุบัน พลัสฯ มีสต็อกสินค้าฝากขายและปล่อยเช่าอยู่ใน 11,000 รายการ โดยจะพยายามเพิ่มสต็อกเพิ่มขึ้นอีก 5,000-6,000รายการ รวมแล้วตลอดทั้งปีจะมีสินค้าที่บริหารประมาณ 16,000-17,000 รายการ จากเป้าเดิมประมาณ 20,000 รายการ
|