Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 กรกฎาคม 2549
'พลัสฯ'รื้อเป้าขายตามบริษัทแม่ยอดรวม6พันล.ลุยโครงการใหม่             
 


   
www resources

โฮมเพจ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์

   
search resources

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์, บจก.
Real Estate
เมธา จันทร์แจ่มจรัส




"พลัสฯ"คุยฟุ้งครึ่งปียอดขายครึ่งปีทะลุเป้ารวมทั้งปี 4,000 ล้านบาท พร้อมรื้อเป้าหมายทั้งปีรวม 5,000-6,000 ล้านบาท เดินหน้าเปิดเพิ่ม 6 โครงการใหม่ ปรับกลยุทธ์ธุรกิจตัวแทนการขายและเช่าซื้อ ลดกลุ่มลูกค้ารายใหญ่เพิ่มน้ำหนักลูกค้ารายย่อย ลุยขยายช่องทางการตลาดใหม่ หวังสร้างแบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากที่สุด

นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัทในเครือแสนสิริ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในระยะครึ่งแรกของปี 2549 ว่า บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขของเป้ายอดขายตลอดทั้งปี ทำให้บริษัทต้องปรับเป้าการขายในช่วงครึ่งปีหลังใหม่เพิ่มอีก 1,000-2,000 ล้านบาท รวมแล้วทั้งปีบริษัทจะมียอดขายเพิ่มเป็น 5,000-6,000 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดรับรู้รายได้ยังคงไว้ที่ 3,000 ล้านบาท

โดยแหล่งที่มาของรายได้ในช่วงครึ่งปีมาจากยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม 60% และทาวน์เฮาส์อีก 40% ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียม จะเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุนและขายต่อประมาณ 20-30% ส่งผลให้สัดส่วนของลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนของบริษัทเพิ่มเป็น 20-30% ต่อโครงการ จากเดิมบริษัทจะมีสัดส่วนประมาณ 10-15% ส่วนลูกค้าที่เหลืออีก 80% จะเป็นการซื้อเพื่อการอยู่อาศัย

" ยอมรับว่าสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนยังมีน้อยอยู่ เนื่องจากในแต่ละโครงการของบริษัท มีการพัฒนาจำนวนยูนิตออกมาขายค่อนข้างน้อย ประมาณ 200-300ยูนิตต่อโครงการเท่านั้น" นายเมธากล่าวให้เห็นถึงตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนในระยะข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ บริษัทแสนสิริได้ประกาศเป้าเป้ายอดขายทั้งปีเป็น 20,000 ล้านบาท จากเดิม 14,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 2 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้ 12,000 ล้านบาท

นายเมธา กล่าวถึงแผนการลงทุนในครึ่งปีหลังว่า จะมีโครงการใหม่ออกสู่ตลาดประมาณ 6 โครงการ ได้แก่โครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ในจำนวนเท่ากัน โดยกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ จะยังคงเน้นทำเลที่อยู่ติดกับระบบโครงข่ายรถไฟฟ้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าบีทีเอสในย่านรัชดาท่าพระ และย่านรัชดา-ลาดพร้าว ขนาดโครงการไม่ใหญ่ มีมูลค่าการขายต่อโครงการประมาณ 200-300 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท ขณะที่โครงการทาวน์เฮาส์ จะเน้นทำเลในย่านศรีนครินทร์ เกษตรนวมินทร์ มูลค่าการพัฒนาประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อโครงการ

นายเมธา กล่าวถึงตลาดธุรกิจตัวแทนขาย และเช่าซื้อของพลัสฯ หรือ "Plus Brokerage Cafe"ว่า ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ามาใช้ผ่านบริการผ่านสาขาย่อยและสาขาเต็มรูปแบบทั้ง 5 แห่ง ประมาณ 30,000 กว่าราย รวมถึงการเข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์ของบริษัทด้วย รวมแล้วในช่วงครึ่งปีสามารถสร้างรายได้จากบริการดังกล่าวแล้วประมาณ 91 ล้านบาท หรือประมาณ 51% ของเป้าที่วางไว้ทั้งปี 170-180 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ปรับแผนในครึ่งปีหลัง โดยจะเพิ่มช่องทางการตลาดใหม่เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น ซึ่งภายในไตรมาสที่ 3นี้ จะมีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น 2 สาขา คือ สาขาย่อยที่อาคารสิริภิญโญ และอีก1สาขาในโครงการคอนโดมิเนียมสุขุมวิท พลัส เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น

นายเมธากล่าวยอมรับว่า หลังจากที่เปิดบริการดังกล่าว แม้จะมีลูกค้าเข้ามาเสนอให้ฝากขายหรือเช่าโครงการมากขึ้น แต่พบว่า ด้วยลักษณะของธุรกิจของพลัสที่มีการพัฒนาโครงการขายเหมือนกับลูกค้า ทำให้ถูกมองว่า โอกาสที่จะเสนอขายสินค้าของบริษัทก่อนที่จะเสนอขายสินค้าของลูกค้า ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง จะปรับแผนโดยลดสัส่วนลูกค้าประเภทฝากขายหรือเช่าโครงการ หรือกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ลงไป และจะหันมาเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นรายย่อยเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างลูกค้ารายใหญ่และบริษัทแม่ลง

ปัจจุบัน พลัสฯ มีสต็อกสินค้าฝากขายและปล่อยเช่าอยู่ใน 11,000 รายการ โดยจะพยายามเพิ่มสต็อกเพิ่มขึ้นอีก 5,000-6,000รายการ รวมแล้วตลอดทั้งปีจะมีสินค้าที่บริหารประมาณ 16,000-17,000 รายการ จากเป้าเดิมประมาณ 20,000 รายการ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us