Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 กรกฎาคม 2549
ออมสินทิ้งบ้านเอื้อฯ - ธอส.รับภาระแสนล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารออมสิน

   
search resources

ธนาคารออมสิน
Real Estate
Loan




ออมสินตอกหน้ารัฐบาล" ทักษิณ ชินวัตร " ชี้ชัดนโยบายรากหญ้าไม่อุ้มคนจน ช็อก!!ทิ้งภาระปล่อยสินเชื่อรายย่อยบ้านเอื้ออาทรแบบยกล็อต 5.9 แสนยูนิตให้ธอส.รับเต็มๆ ด้านธอส.หน้ามืดควานหาเงินปล่อยกู้สิ้นสุดโครงการถึง 2.28 แสนล้านบาท จับตาผู้รับเหมารายย่อย 20 รายเริ่มประสบปัญหา อาจชี้ช่องเปิดทางผู้รับเหมารายใหญ่คว้าปลามัน

วานนี้(17ก.ค. 49) นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ (กคช.)และ นายขรรค์ ประจวบเหมาะกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงการให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยมี นายวัฒนา เมืองสุข รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม) เป็นประธานในพิธี

นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่ากคช. เปิดเผยภายหลังการลงนามร่วมกับทางผู้บริหารของธอส.ว่า เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยธอส.จะรับปล่อยสินเชื่อรายย่อยให้แก่ลูกค้าเอื้ออาทรของกคช.ทั้งหมด 5.9 แสนยูนิตจากจำนวนยูนิตที่กคช.ก่อสร้างทั้งสิ้น 6 แสนยูนิต ซึ่งจากเดิมการปล่อยกู้ดังกล่าวธอส.และธนาคารออมสินจะร่วมกันปล่อยกู้

แต่เนื่องจากขั้นตอนการปล่อยกู้ของออมสินมีความล่าช้า ประกอบกับออมสินไม่มีความชำนาญในเรื่องการปล่อยกู้ลูกค้าจำนวนมากๆ ทำให้ธนาคารออมสินไม่ยอมปล่อยกู้เพิ่มหลังจากที่รับปล่อยกู้ไปแล้ว 10,000 ยูนิต แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่คืบหน้า แม้ว่ากคช.จะมีการทยอยส่งมอบบ้านเอื้ออาทรให้ลูกค้าไปแล้ว 40,000 ยูนิต ทำให้ธอส.ต้องรับปล่อยกู้ 30,000 ยูนิต และคาดว่าในปีงบประมาณ 2550 จะส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าได้ 60,000-80,000 หน่วย

"ตามแผนที่วางไว้เบื้องต้น บัญชีลูกหนี้ดังกล่าวธอส.จะนำมาแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ หรือ ซิเคียวริไทเซชั่น ด้วยการนำไปขายให้กับบรรษัทตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ซึ่งคงมีการกำหนดเงื่อนไขหรือรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง" นางชวนพิศกล่าว

นอกจากนี้ ธอส.ยังรับปล่อยสินเชื่อสำหรับกคช.เพื่อรับซื้อบ้านเอื้ออาทรคืนจากธอส. ด้วย หากลูกค้าเกิดปัญหาการขาดผ่อนชำระเกิน 3 งวด โดยปัจจุบันกคช.รับซื้อคืนแล้วจำนวน 151 ราย วงเงินกู้รายละ 390,000 บาท หรือประมาณ 59 ล้านบาท และรับซื้อคืนจากออมสินอีก 80 รายหรือประมาณ 32 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในการลงนามดังกล่าว กคช. มีหน้าที่ดำเนินการตามข้อตกลง อาทิ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้กู้ตามหลักเกณฑ์ของการกคช. และแจ้งให้ธอส.รับทราบเป็นหนังสือ เพื่อดำเนินการให้สินเชื่อต่อไป รวมทั้งค้ำประกันหนี้ของผู้กู้ตลอดจนรับซื้อคืนลูกหนี้ที่มีปัญหาตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข เช่น ลูกค้าค้างชำระค่างวดติดต่อกัน 3 เดือน เป็นต้น

แหล่งข่าวรายหนึ่ง กล่าวยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา การที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้ออมสินเข้ามาดูแลโครงการบ้านเอื้ออาทร ส่วนหนึ่งต้องการดึงเงินธนาคารออมสิน เข้ามาสนับสนุนโครงการของรัฐบาลที่ได้ประกาศหาเสียงไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสภาพคล่องของธนาคารมีจำนวนมาก

" หากย้อนประวัติศาสตร์ไปดู ธนาคารออมสินถูกจัดตั้งขึ้นไม่ได้มุ่งเชิงพาณิชย์เต็มที่ และด้วยองค์กรที่ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนอีกมาก ขณะที่นโยบายของรัฐบาลที่ประเคนมา ไม่ว่าการดูแลกองทุนหมู่บ้าน การปล่อยกู้บ้านเอื้ออาทร ล้วนแล้วแต่เริ่มส่งปัญหาให้แก่ธนาคาร โดยเฉพาะการเข้มงวดลูกค้าที่จะมากู้ซื้อบ้านเอื้ออาทร การอนุมัติที่ล่าช้า ขณะที่ขาดการเผยแพร่ข้อมูลให้แก่คนซื้อบ้านเอื้ออาทรอย่างชัดเจน จนส่งผลให้ประชาชนต้องผิดหวังไปจำนวนมาก และซ้ำร้ายการผลักภาระทั้งหมดให้แก่ธอส.เปรียบเสมือนการเปลี่ยนแนวที่จะส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่ของตนเอง ต้องก้าวไปสู่ระบบของธุรกิจเชิงพาณิชย์มากขึ้น ถามว่า ธอส.จะกัดฟันคิดดอกเบี้ยแบบพิเศษไปได้นานแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องวกไปสู่วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม"แหล่งข่าวกล่าว

**ร่วมถกปัญหาผู้รับเหมา

ส่วนนายสรวุฒิ ตังกาพล รองผู้ว่าการ กคช. กล่าวว่า กรณีที่โครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีปัญหาด้านการก่อสร้างที่ล่าช้านั้น มีประมาณ 10 % จำนวนหน่วยทั้งหมด ซึ่งกคช.จะหามาตรการในการเข้าไปช่วยเหลือผู้รับเหมา เช่น ร่วมเจรจากับแบงก์ ยืดระยะเวลาในการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมารวมทั้งสิ้นประมาณ 20 ราย และส่วนใหญ่เป็นผู้รับเหมารายย่อย นอกจากนี้ยังมีปัญหาในด้านการเงินของผู้รับเหมาอีกด้วย โดยกคช.จะได้นำแนวทางการช่วยประคับประคองผู้รับเหมาให้สามารถสร้างโครงการจนแล้วเสร็จ ไปร่วมหารือกับนายวัฒนา เมืองสุขในวันนี้ (18 ส.ค.49)

นอกจากนี้กคช.ได้มีการยกเลิกสัญญาการก่อสร้างเอื้ออาทรกับผู้รับเหมาไป 1 ราย จำนวน 1,000 ยูนิต คือ บริษัทธนสิทธิ์ ที่รับเหมาสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรที่จังหวัดเชียงใหม่ และบริษัทถิรสิทธิ์ ซึ่งรับเหมาบ้านเอื้ออาทร จ.ชลบุรี โดยทั้ง 2 บริษัทนั้นเป็นเจ้าของเดียวกัน ซึ่งกคช. อยู่ระหว่างหาผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาดำเนินการต่อ ในปัจจุบันมียูนิตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 200,000 ยูนิตและมีการส่งมอบไปแล้วประมาณ 40,000 ยูนิต

สำหรับปัญหาการเบิกจ่ายวงเงินงบประมาณในการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรในปี งบประมาณ 2550 กคช.คาดว่าจะใช้เงินอุดหนุนจากภาครัฐบาลเพิ่มจากปีงบประมาณ 2549 กว่า3,223 ล้านบาท หรือประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งคงต้องรอรัฐบาลใหม่อนุมัติวงเงินดังกล่าว เนื่องจากวงเงินที่จะใช้นั้นมากกว่าปี 2549 ที่ได้ 9,775 ล้านบาท

นายขรรค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาธอส.ให้สินเชื่อกู้ซื้อบ้านแก่ลูกค้าบ้านเอื้ออาทร ในระยะ 1 และ 2 แล้ว 8,000 ล้านบาทและ 4,000 กว่าล้านบาท(ตามลำดับ) ขณะที่ ระยะ3 ที่มีการลงนามกันในครั้งนี้ไปจนถึงการสิ้นสุดโครงการรวมมูลค่า 2.28 แสนล้านบาทนั้น ธอส.พร้อมปล่อยกู้ภายภายใต้กรอบให้สินเชื่อที่คณะกรรมการของธนาคารกำหนด

สำหรับคุณสมบัติของผู้กู้ต้องเป็นผู้ได้สิทธิในโครงการบ้านเอื้ออาทร มีระยะเวลาชำระเงินกู้ไม่เกิน 30 ปี นับแต่วันทำสัญญากู้เงิน ซึ่งเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 65 ปี โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 คงที่ ร้อยละ 5.5 ต่อปี ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 6 ต่อปี ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย คงที่ ร้อยละ 6.5 ต่อปี และปีต่อๆ ไป อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MLR) - 0.5 ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว จะใช้สำหรับผู้กู้ที่ยื่นคำขอกู้ภายในวันที่ 30 กันยายน 2549 นี้เท่านั้น

ส่วนอัตราการผ่อนชำระรายเดือนได้ปรับขึ้นจาก 1,500-1,600 บาทต่อเดือน เป็น 1,800 บาทต่อเดือน และยังยืนราคาดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปี ส่วนปี2550คาดว่าจะปรับขึ้นอีกเล็กน้อย และธอส.ยังได้ให้ลูกค้าที่จองได้เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร 500 บาทต่อเดือนจบครบ 18 เดือนหรือตามระยะเวลาการก่อสร้างแต่ละโครงการ ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงการส่งค่างวดในอนาคต ซึ่งดำเนินการมา 5-6 เดือนแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us