Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2538
ไอวอรี่ อัลตราไมลด์ ของพีแอนด์จี เมื่อตลาดแชมพูไม่สดใสดังคาด             
 


   
www resources

โอมเพจ บริษัท พีแอนด์จี จำกัด

   
search resources

พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย), บจก.
อเล็กซ์ ฮาว์สัน
Commercial and business
Cosmetics




8 ปีของบริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูเฟคเจอริ่ง ( ประเทศไทย) หรือ พีแอนด์จี นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ อัตราการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20 เท่า คือจาก 200 ล้านบาทในปี 2531 เป็นกว่า 3,600 ล้านบาท ในปี 2537 คงจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ดี

สินค้าสำคัญที่ทำให้พีแอนด์จี มีวันนี้ได้ คือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นตัวสร้างยอดขาย ให้บริษัทถึง 50 % หรือประมาณ 1,800 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และนี่เป็นสาเหตุสำคัญที่พีแอนด์จี จะไม่หยุดทำศึกในสนามนี้เป็นอันขาด

ปี 2532 พีแอนด็จี เริ่มประเดิมตลาดแชมพูด้วยการส่งรีจอยส์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยมากในขณะนั้น ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือ เป็นแชมพูผสมครีมนวด แม้ว่าจะพลาดท่าเสียทีเล็กน้อยเมื่อลีเวอร์บราเธอร์ ตัดหน้าส่งไดเมนชั่น ทูอินวัน เข้าตลาดก่อน แต่นั่นมิได้ทำให้รีจอยส์เสียเปรียบแต่อย่างใด เพราะรีจอยส์ยังอยู่ยงคงกระพันมาถึงทุกวันนี้ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 9% ของตลาดแชมพูรวมในปัจจุบัน ขณะที่ไดเมนชั่น ทูอินวันม้วนเสื่อกลับบ้านไปก่อนแล้ว

แพนทีน เป็นผลิตภัณฑ์ตัวที่สองที่พีแอนด์จี ส่งเข้ามาท้ารบเมื่อปี 2534 คราวนี้ถือว่าเป็นการทำศึกใหญ่ครั้งที่สำคัญ เพราะในเซกเมนต์แชมพูเพื่อความงามที่แพนทีนลงมาเล่นมีขนาดใหญ่มาก ( 53% ของตลาดแชมพูรวมปัจจุบัน) โดยมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างซัลซิลเป็นพี่เบิ้มยืนคุมตลาดอยู่ และมีคาโอเป็นอันดับสอง

การเข้ามาสู้ศึกในตลาดนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะมีที่ยืนอย่างมั่นคงในตลาดแชมพูของพีแอนด์จีอย่างแท้จริง ซึ่งพีแอนด์จีก็ไม่ผิดหวัง เมื่อท้ายที่สุดแล้ว แพนทีน ได้ส่วนแบ่งตลาดไปครอง 13% ยังเป็นรองก็แต่ซัลซิลแชมเก่าตลอดกาลที่มีส่วนแบ่งอยู่ 24%

เมื่อแพนทีน-โปรวี ลงหลักปักฐาน ปี 2536 " วิดัลแซสซูน" จึงเป็นหัวรบใหม่ของวพีแอนด์จี ในสนามนี้ เป็นอีกครั้งที่พีแอนด์จี เข้ามาเปิดแซกเมนต์ใหม่ คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้คุณภาพผมเหมือนออกจากร้านทำผม ซึ่งดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากในช่วงแรก เพระผลของการทุ่มเม็ดเงินในการโฆษณาและการส่งเสริมการขายอย่างหนักหน่วงตามสไตล์เจ้าบุญทุ่ม อันเป็นกลยุทธิ์ที่พีแอนด์จี นำมาใช้ทุกครั้งในการวางตลาดสินค้าใหม่

แต่ไม่ว่าจะทุ่มอย่างไร จาการตรวจสอบตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดล่าสุด ปรากฏว่าวิดัล แซสซูน ไปไม่ถึงดวงดาว เพราะขณะนี้วิดัล แซสซูน มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 2-3 % เท่านั้น

กระนั้นก็ดี พีแอนด์จี ยังยืนยันที่จะทำตลาดสินค้าตัวนี้ต่อไป โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสินค้า (Repositioning) เพราะจากการสำรวจตลาดพบว่า ผู้บริโภคที่ใช้สินค้าพอใจกับคุณภาพที่ได้รับจากวิดัล แซสซูน มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 2-3% เท่านั้น

ทำให้ยอดขายไม่สูงอย่างที่หวัง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2538 พีแอนด์จี ได้ส่งแชมพูและครีมนวด " ไอวอรี่ อัลตราไมลด์" เข้ามาจับตลาดแชมพูสูตรอ่อนซึ่งสามารถสระได้ทุกวัน ขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติในการปรับสภาพเส้นผมให้นุ่ม ครั้งนี้แม้มิใช่การปิดตลาดใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นการเข้าสู่ตลาดที่มีศักยภาพอีกตลาดหนึ่ง

"พีแอนด์จี มีปรัชญาสำคัญอยู่ที่การค้นหาความต้องการของผู้บริโภคที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งงทั้งรีจอยส์ แพนทีน และวิดัล แซสซูน ก็เป็นผลผลิตจากปรัชญานี้ทั้งสิ้น" นายอเล็กซ์ ฮาว์สัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของพีแอนด์จี ซึ่งเข้ามาดูแลตลาดประเทศไทยประมาณปีครึ่งกล่าว

ดังนั้น เมื่อผลวิจัยผู้บริโภคล่าสุด ซึ่งใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 1 ปีกว่า ออกมาว่า ผู้บริโภคต้องการแชมพูที่รักษาความงามตามะรรมชาติและความชุ่มชื้นของเส้นผมไม่ให้ถูกทำลาย แม้ว่าจะใช้สระผมทุกวันก็ตาม ไอวอรี่ อัลตราไมล์ ซึ่งพีแอนด์จี แนะนำเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ เมื่อปีที่ผ่านมา จึงถูกแนะนำเข้าสู่ตลาดประเทศไทย ด้วยสูตรที่แตกต่างกันเล็กน้อย

ในอดีตเคยมีความพยายามเข้ามาเปิดตลาดนี้อยู่บ้าง พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นทิมโมเทของลีเวอร์ หรือซันนี่ ดรอป แต่ไม่เคยมีค่ายไหนประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะแม้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะใช้สระได้ทุกวัน แต่ไม่มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผมนุ่ม ทำให้ผู้บริโภคไม่นิยมใช้และแม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลีเวอร์ก็ส่งออร์แกนิกส์ ไลท์ แชมพู และซัลซิล เอ็กตราไมล์ เข้ามาปลุกตลาดนี้อีกครั้ง ก็ไม่ถือว่าเป็นการเปิดแนวรบอย่างแท้จริง แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้ไอวอรี่ อัลตราไมลด์ ถูกมองว่าเป็นตัวแก้เกมคู่แข่งของพีแอนด์จี

อย่างไรก็ดี ถ้ามองกันในแง่เจตนาแล้ว พีแอนด์จี คงไม่ต้องการใช้ไอวอรี่ อัลตราไมลด์ เป็นแค่ตัวแก้เกมอท่านั้น เพราะเท่าที่ดูเป้าหมายแล้ว คงต้องพูดว่าสินค้าตัวนี้เป็นความหวังใหม่ของพีแอนด์จีในตลาดแชมพู จึงจะถูก

ทั้งนี้เนื่อง มาจากสาเหตุสำคัญ 3 ประการ

ประการแรก คือ การถดถอยของตลาดแชมพูทูอินวันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากการไม่ประสบความสำเร็จของคู่แข่อย่างไดแมนชั่น ทูอินวัน ต้องถอนตัวออกไปจากตลาด การเปลี่ยนตำแหน่งของซิโฟเน่ การไม่ประสบผลสำเร็จของทาซี่ หรือ ปาล์มโอลีฟ ออฟติมา เหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ไม่แจ่มใสจของตลาดทูอินวันทั้งสิ้น ดังนั้น แม้ว่ารีจอยส์จะยังยืนหยัดอยู่ในขณะนี้ได้ ด้วยส่วนแบ่งตลาดเป็นกอบเป็นกำถึง 9 % แต่โอกาสในการเติบโตทางการตลาดไม่ใช่เรื่องง่ายหรือสดใสนัก

ประการถัดมา การไม่ประสบความสำเร็จของวิดัล แซสซุนดังกล่าวมาแล้ว และดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากที่จะกระตุ้นให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นมาช่วยสร้างรายได้ให้กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ พีแอนด์จี จึงต้องหาสินค้าตัวใหม่มาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของลีเวอร์ ซึ่งครอบครองไว้สูงถึง 42% ขณะที่พีแอนด์จีมีส่วนแบ่งตลาดรวมอยู่ประมาณ 24% มาเป็นของตัวของตัวเองให้มากที่สุด

ประการสุดท้าย ตลาดแชมพูอ่อนสำหรับผู้ที่ต้องการสระผมทุกวัน ยังเป็นตลาดที่ไม่มีใครเข้ามากระตุ้นอย่างจริงจัง ทั้ง ๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะมลพิษต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ทำให้คนส่วนมากต้องสระผมทุกวัน

จึงไม่น่าแปลกใจที่พีแอนด์จี จะตั้งความหวังในแปชมพูและครีมนวดผมไอวอรี่ อัลตราไมลด์ ไว้สูงมาก กล่าวคือ หวังว่าไอวอรี่ อัลตราไมล์ จะเป็นตัวสร้างยอดขายสูงเป็นอันดับสองของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมภายในช่วงปีแรกทีเดียว หรทอประมาณ 9-13% ซึ่งเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่แพนทีนและรีจอยส์ครองอยู่ปัจจุบัน

สำหรับวิธีการนั้น ก็คงไม่พ้นการทุ่มงบประมาณในการโฆษณาและการส่งเสริมการขาย เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้เห็นและได้ลองใช้สินค้า ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่ทุกค่ายนำมาใช้เหมือนกันหมด ต่างกันก็เพียงว่า บางรายประสบความสำเร้๗ แต่บางรายล้มเหลว อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เลือกใช้ของแต่ละค่ายว่ามีคุณภาพขนาดไหน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us