ท่ามกลางกระแสต่อต้านรถไฟฟ้ายกระดับ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ชื่อของสุภาพสตรีผู้มีความเกี่ยวข้องกับแบงก์ใหญ่อันดับหนึ่งของไทย
อย่างคุณชดช้อย โสภณพนิช จะต้องเข้าไปแทรกในทุกอณูของข่าวเรื่องนี้ ด้วยความเป็นผู้มีความสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมาแต่ไหนแต่ไร
ทำให้เธอผลักดันให้มีการจัดตั้งสมาคมสร้างสรรค์ไทย อันเป็นที่มาของ "ตาวิเศษ"
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองในฐานะผู้พิทักษ์รักษาความสะอาด
ด้วยบทบาทที่เธอได้สั่งสมไว้ข้างต้น ทำให้เมื่อเธอต้องปลุกกระแสให้คนหันมาสนใจผลกระทบจากรถไฟฟ้ายกระดับ
โดยเฉพาะกับรถไฟฟ้าบีทีเอสธนายง ที่เริ่มก่อสร้างไปขณะนี้แล้วด้วยนั้น ทำให้เธอได้รับแรงหนุนมากพอสมควร
ที่จะจัดสัมมนาหลายต่อหลายครั้ง เพื่อเพิ่มแรงบีบรัดให้สังคมเห็นชอบด้วยว่า
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการไต่สวนสาธารณะ ( public hearing)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการไต่สวนสาธรารณะอย่างเป็นทางการการครั้งแรกของไทย
ที่ศาลสถติยุติธรรมเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
คุณหญิงชดช้อยให้ความเห็นถึงสาเหตุที่ต้องเร่งผลักดันให้มีการไต่สวนสาธารณะว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งที่ถูกหรือไม่ถูกผลกระทบจากโครงการรถไฟฟ้าธนายงนี้ ทั้งที่ถูกหรือไม่ถูกผลกระทบจากโครงการรถไฟฟ้าธนายงน
ี้ต่างก็ยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างเ๖้มที่เท่าที่ทราบก็มักจะเป็นข้อมูลที่กทม.
หรือผู้รับสัมปทานเช่นธนายงจะยินยอมให้รับรู้เท่านั้น โดยเฉพาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงานก่อสร้าง
ที่จะทำให้เป็นอันตรายต่อผู้คนที่อยู่แถบนั้นหรืออาจจะส่งผลให้งานก่อสร้างต้องล่าช้าออกไปอีก
"งานที่เราเรียกร้องให้เขาเปิดเผยให้ทราบว่า จะมีแผนทำอะไรบ้างนั้น
เราไม่ได้มุ่งมั่นที่จะยกเลิกหรือล้มโครงการนี้ เราเพียงหวังจะได้สิทธิพื้นฐานที่จะทราบถึงข้อเท็จจริงต่าง
ๆ เพื่อให้เกิดข้อถกเถียงนำไปสู่ข้อยุติ ซึ่งจะทำให้มีการก่อสร้างที่ไม่มีผลกระทบด้านการก่อสร้างต่อประชาชนทั่วไป"
การไต่สวนสาธารณะครั้งแรกได้เริ่มไปแล้ว โดยมีการไต่สวนทุกวันพฤหัสบดีของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ข้อยุติของการไต่สวนเพื่อนำไปสู่รถไฟฟ้าในฝันของคนกรุงเทพฯ อย่างสมบูรณ์แบบนั้น
เป็นเรื่องที่ต้องตามดูกันต่อไป
แต่เรื่องที่น่าเพ่งประเด็นก็คือ กลลุทธ์ในการเตรียมการและดำเนินการ ของคุณหญิงและกลุ่มต่อการไต่สวนสาธารณะครั้งนี้
การเดินหน้าจนกระทั่งมีการจัดไต่สวนได้นี้ แน่นอนว่าคุณหญิงชดช้อยไม่สามารถรับภาระทั้งหมดนี้ได้อย่างแน่นอน
แต่ด้วยการมีที่ปรึกษาด้านข้อมุลที่เพียบพร้อมอย่างเช่น พล.ต.ท.สล้าง บุนนาค
ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ซึ่งเคยอกหักมาแล้วถึง 2 ครั้งกับการที่ต้องมาจับงานด้านจราจร
นับตั้งแต่ถูกยุบคณะกรรมกรรประสานงานด้านจราจรของทางตำรวจไป และยังถูกลดบทบาทโดยไม่ต้องดูแลงานด้านจราจรต่อไป
โดยให้หันไปดูแลงานด้านอื่น เช่นดับเพลิงแทน ซึ่งด้วยศักยภาพที่ได้ พล.ต.ท.
สล้าง มา ผู้รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับรถไฟฟ้าธนายงดีพอสมควร จึงทำให้ทางกลุ่มของคุณหญิงชดช้อย
มีความสามารถจะตอบโต้กับทางฝ่ายจำเลยได้ดีพอสมควร
นอกจากความช่วยเหลิอด้านข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานแล้วในส่วนของผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกร
และสถาปนิก คุณหญิงชดช้อยก็ยังมีมือดีด้านนี้อีก 2 คน ที่คอยเป็นกุนซือให้ข้อมูลเพื่อตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเต็มที่
ศ.พร.เอกสิทธิ์ ลิ้มสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างโดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคขนาดใหญ่
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และอาจารย์ขวัญสรวง อติโพธิ อาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมผังเมือง
คณะสถาบัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เช่นเดียวกัน ทั้ง 2 ต่างเป็นผู้สามารถชี้จุดบอดด้านการออกแบบและก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าธนายงได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ร่วมงานกับสมาคมสร้างสรรค์ไทยมาตั้งแต่ต้นอีกหลายคน
ที่พร้อมจะสนับสนุนข้อมูลด้านเทคนิคเพื่อที่จะยันกับฝ่ายตรงข้ามได้ อย่างเช่น
ชวาล นิวาตวงศ์ วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ด้านรถไฟฟ้าจากนิวยอร์ก นายแพทย์กุณฑล
สุนทรเวช นายแพทย์ผู้ให้ความสนใจด้านจราจรอย่างจริงจัง แม้ว่าในช่วงหลังจะไม่ได้แสดงตัวคัดค้านดังเช่นแต่ก่อน
แต่ก็ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
และคนสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ คุณหญิงชดช้อย นั่นเอง
ด้วยความเป็นคุณหญิงผู้มีบุคลิกดี และสามารถแจกแจงเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เห็นภาพพจน์ได้อย่างชัดเจน
จึงทำให้เธอเป็นผู้ประสานความร่วมมือของแต่ละฝ่ายได้ เป็นอย่างดี แม้ว่าด้วยความเป็น
" โสภณพนิช" ที่มีอยู่ติดตัวจนทำให้เธอต้องตอบคำถามแทบทุกครั้งถึงความหนักใจที่มีคนมองว่าเธอไม่กลัวหรือว่า
จะมีความกินใจกับพี่ชายใหญ่ อย่างชาตรี โสภณพนิช บิ๊กบอส แห่งแบงก์กรุงเทพฯ
ผู้ให้การสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้าธนายงมาตั้งแต่ต้นหรือไม่
ในส่วนของกลยุทธ์ดำเนินการนั้น ด้วยการเข้าใจอย่างซาบซึ่งว่า หากปล่อยให้ทางกทม.
และธนายงให้ข้อมูลแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีการซักค้านเสียแล้ว ก็จะขาดความน่าจะติดตามฟังขึ้นมาทันที
การแก้เกมด้วยการกำหนดแผนการก่อสร้าง โครงสร้างของโครงการ และการเตรียมการเพื่อรองรับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
การกำหนดทีมทนายผู้มีความสามารถ ที่จะซักค้านฝ่ายจำเลยอยู่ตลอดเวลานั้น ก็เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะสร้างความน่าสนใจให้กับการไต่สวนสาธารณะ
เพื่อให้เกิดการประนีประนอมยอมความกันได้เท่านั้น
"หากจะให้เกิดการชะลอก่อสร้างนั้น จะต้องมีการฟ้องร้องต่างหากอีก
1 คดี อาจจะฟ้องร้องฉุกเฉินขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ฝ่ายเราที่จะยื่นฟ้อง ต้องเป้นคนที่เสียผลประโยชน์
คือคนที่อยู่ในย่านที่มีการก่อสร้างเท่านั้น และการฟ้องร้องนั้น จะต้องทางศาลอาญาเท่านั้น"
ซึ่งอันที่จริงแล้ว นอกจากกระบวนการไต่สวนสาธารณะอันนี้ ซึ่งเป็นความหวังว่าจะเป็นการปลุกกระแสให้เกิดความตื่นตัวในเรื่องรถไฟฟ้าธนายงแล้ว
การเข้ามารับผิดชอบของสภาท้องถิ่นเช่นสภาเขต หรือสภา กทม. ก็เป็นอีกหนึ่งของความหวัง
ของคุณหญิงชดช้อย ที่หวังว่าจะได้รับ แต่จากการที่ไม่ได้รับความร่วมมือ เมื่อได้ส่งจดหมายไปถึงสส.
ของสภากทม.ทุกคน ทำให้คุณหญิงต้องหันมาเดินหน้าเปิดไต่สวนสาธารณะเช่นนี้
ซึ่งหากได้รับการร่วมมือจากสภาท้องถิ่นแล้ว ศักยภาพของการเรียกร้องของกลุ่มจะมีความเข้มข้นยิ่งกว่านี้
การไต่สวนสาธารณะครั้งนี้ คงเป็นเพียงคลื่นกระทบฝั่ง หากเขาทังหลายยังไม่เห็นวิกฤตที่แท้จริง