เปิดโผนักลงทุนที่ได้รับการจัดสรรหุ้น"เบียร์ช้าง" มีผู้ลงทุนสถาบันไทยได้รับการจัดสรรเพียง 50 รายจำนวน 300 ล้านหุ้นเท่านั้น พบกองทุนต่างประเทศ GENESIS ASSET MANAGERS ได้มากสุด 811.60 ล้านหุ้นหรือ 14.44% และมีกองทุนที่เกี่ยวข้องกับไทยเข้าถือหุ้นด้วย THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMTED ได้รับจัดสรรเป็นอันดับที่16 ขณะที่โบรกเกอร์ไทย 2 ราย"ภัทร-ไทยพาณิชย์"เป็นอันเดอร์ไรเตอร์ขายหุ้นแห่งละ 873.16 ล้านหุ้น ระบุเป็นหุ้นใหญ่ที่สามารถระดมทุนได้เงินทั้งสิ้น 3.64 หมื่นล้านบาท
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แจ้งถึงผลการเสนอขายหุ้นบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)หรือเบียร์ช้าง ที่ไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งบริษัทได้เสนอขายหุ้นเมื่อวันที่ 19-24 พฤษภาคม 2549ที่ผ่านมา โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2,444.45 ล้านหุ้นและมีหุ้นสามัญเดิมอีกจำนวน 2,444.45 ล้านหุ้นเมื่อรวมทั้งหมดเป็นจำนวน 4,888.90 ล้านหุ้น โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ0.28 ดอลลาร์สิงคโปร์ เทียบเท่าเงินบาทประมาณหุ้นละ 6.77 บาทที่อัตราแลกเปลี่ยน 24.1919 บาทต่อดอลลาร์สิงคโปร์
ทั้งนี้จากรายงานผลการเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัทไทยเบฟเวอเรจนั้น พบว่ามีผู้ลงทุนสัญญาติไทย ซึ่งเป็นผู้ลงทุนประเภทนักลงทุนสถาบันจำนวน 50 รายได้รับการจัดสรรจำนวน 300 ล้านหุ้นหรือ 5.34%เท่านั้น ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศได้รับการจัดสรรจำนวน 15,330 รายคิดเป็นจำนวนหุ้น 5,622.23 ล้านหุ้นโดยแบ่งเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 244 รายจำนวนหุ้น 5,078.76 ล้านหุ้นหรือ 90.33%,นักลงทุนต่างประเทศประเภทนิติบุคคล จำนวน 2 รายจำนวนหุ้น 160,000 หุ้นและนักลงทุนต่างประเทศประเภทบุคคลธรรมดาจำนวน 15,034 รายจำนวนหุ้น 243.31 ล้านหุ้นหรือ 4.33%
สำหรับนักลงทุนสถาบันที่ได้รับการจัดสรรมากสุด 5 อันดับแรกได้แก่ GENESIS ASSET MANAGERS LIMTED ซึ่งถือเป็นกองทุนจากต่างประเทศได้รับการจัดสรรจำนวน 811.60 ล้านหุ้นหรือ 14.44% คิดเป็นจำนวนเงิน 227.25 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ รองลงมาได้แก่ CAPITAL INTERNATION,UK จำนวน 729.23 ล้านหุ้นหรือ 12.97% จำนวนเงินลงทุน 204.18 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์, CLSA ได้รับการจัดสรรจำนวน 526 ล้านหุ้นหรือ 9.36% มูลค่าเงินลงทุน 147.28 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์,TPG-AXON CAPITAL MANAGEMENT LPได้รับการจัดสรร 310 ล้านหุ้นหรือ 5.51% มูลค่าเงินลงทุน 86.80 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์และ GRANTHAM MAYO VAN OTTERLOO AND COMPANY จำนวน 280 ล้านหุ้นหรือ 4.98% มูลค่าเงินลงทุน 86.80 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
อย่างไรก็ตามพบว่ามีชื่อของกองทุนที่เกี่ยวข้องกับไทยได้รับการจัดสรรเช่นกันคือ THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMTED ได้รับการจัดสรรจำนวน 62 ล้านหุ้นหรือ 1.10% มูลค่าเงินลงทุน 17.36 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เป็นอันดับที่ 16
ส่วนนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่ได้รับการจัดสรรปรากฏว่าผู้ที่ได้รับการจัดสรรมากสุดคือ NG KIN IN ได้รับการจัดสรรจำนวน 1.61 ล้านหุ้นหรือ 0.03% มูลค่าเงินลงทุน 450,520 ดอลลาร์สิงคโปร์
ในด้านของผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรืออันเดอร์ไรเตอร์พบว่ามีบริษัทหลักทรัพย์ของไทย 2 รายที่ร่วมจำหน่ายคือ บล.ไทยพาณิชย์และบล.ภัทร ซึ่งได้รับการจัดสรรหุ้นให้ไปจำหน่ายแห่งละจำนวน 873.16 ล้านหุ้นเท่ากัน ส่วนรายที่ได้รับการจัดสรรมากสุดได้แก่ J.P.Morgan(S.E.A.)Limited จำนวน 1,606.49 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ถือได้ว่าหุ้นบริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นจึงทำให้ได้รับเงินจากการระดมทุนเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วเช่นค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ในต่างประเทศ,ค่าธรรมเนียมการขออนุญาตให้ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์รับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและค่าธรรมเนียมแรกเข้า,ค่าจ้างที่ปรึกษาอื่นๆ และค่าตรวจสอบบัญชี และอื่นๆ จะทำให้บริษัทไทยเบฟเวอเรจได้รับเงินจากการระดมทุนทั้งสิ้น 36,476.79 ล้านบาท
|