Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 กรกฎาคม 2549
เปิดโผผู้ซื้อหุ้นเบียร์ช้างสถาบันไทยได้50ราย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ไทยเบฟเวอร์เรจส์ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ไทยเบฟเวอเรจ, บมจ.
Stock Exchange




เปิดโผนักลงทุนที่ได้รับการจัดสรรหุ้น"เบียร์ช้าง" มีผู้ลงทุนสถาบันไทยได้รับการจัดสรรเพียง 50 รายจำนวน 300 ล้านหุ้นเท่านั้น พบกองทุนต่างประเทศ GENESIS ASSET MANAGERS ได้มากสุด 811.60 ล้านหุ้นหรือ 14.44% และมีกองทุนที่เกี่ยวข้องกับไทยเข้าถือหุ้นด้วย THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMTED ได้รับจัดสรรเป็นอันดับที่16 ขณะที่โบรกเกอร์ไทย 2 ราย"ภัทร-ไทยพาณิชย์"เป็นอันเดอร์ไรเตอร์ขายหุ้นแห่งละ 873.16 ล้านหุ้น ระบุเป็นหุ้นใหญ่ที่สามารถระดมทุนได้เงินทั้งสิ้น 3.64 หมื่นล้านบาท

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แจ้งถึงผลการเสนอขายหุ้นบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)หรือเบียร์ช้าง ที่ไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งบริษัทได้เสนอขายหุ้นเมื่อวันที่ 19-24 พฤษภาคม 2549ที่ผ่านมา โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2,444.45 ล้านหุ้นและมีหุ้นสามัญเดิมอีกจำนวน 2,444.45 ล้านหุ้นเมื่อรวมทั้งหมดเป็นจำนวน 4,888.90 ล้านหุ้น โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ0.28 ดอลลาร์สิงคโปร์ เทียบเท่าเงินบาทประมาณหุ้นละ 6.77 บาทที่อัตราแลกเปลี่ยน 24.1919 บาทต่อดอลลาร์สิงคโปร์

ทั้งนี้จากรายงานผลการเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัทไทยเบฟเวอเรจนั้น พบว่ามีผู้ลงทุนสัญญาติไทย ซึ่งเป็นผู้ลงทุนประเภทนักลงทุนสถาบันจำนวน 50 รายได้รับการจัดสรรจำนวน 300 ล้านหุ้นหรือ 5.34%เท่านั้น ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศได้รับการจัดสรรจำนวน 15,330 รายคิดเป็นจำนวนหุ้น 5,622.23 ล้านหุ้นโดยแบ่งเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 244 รายจำนวนหุ้น 5,078.76 ล้านหุ้นหรือ 90.33%,นักลงทุนต่างประเทศประเภทนิติบุคคล จำนวน 2 รายจำนวนหุ้น 160,000 หุ้นและนักลงทุนต่างประเทศประเภทบุคคลธรรมดาจำนวน 15,034 รายจำนวนหุ้น 243.31 ล้านหุ้นหรือ 4.33%

สำหรับนักลงทุนสถาบันที่ได้รับการจัดสรรมากสุด 5 อันดับแรกได้แก่ GENESIS ASSET MANAGERS LIMTED ซึ่งถือเป็นกองทุนจากต่างประเทศได้รับการจัดสรรจำนวน 811.60 ล้านหุ้นหรือ 14.44% คิดเป็นจำนวนเงิน 227.25 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ รองลงมาได้แก่ CAPITAL INTERNATION,UK จำนวน 729.23 ล้านหุ้นหรือ 12.97% จำนวนเงินลงทุน 204.18 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์, CLSA ได้รับการจัดสรรจำนวน 526 ล้านหุ้นหรือ 9.36% มูลค่าเงินลงทุน 147.28 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์,TPG-AXON CAPITAL MANAGEMENT LPได้รับการจัดสรร 310 ล้านหุ้นหรือ 5.51% มูลค่าเงินลงทุน 86.80 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์และ GRANTHAM MAYO VAN OTTERLOO AND COMPANY จำนวน 280 ล้านหุ้นหรือ 4.98% มูลค่าเงินลงทุน 86.80 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

อย่างไรก็ตามพบว่ามีชื่อของกองทุนที่เกี่ยวข้องกับไทยได้รับการจัดสรรเช่นกันคือ THAI FOCUSED EQUITY FUND LIMTED ได้รับการจัดสรรจำนวน 62 ล้านหุ้นหรือ 1.10% มูลค่าเงินลงทุน 17.36 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เป็นอันดับที่ 16

ส่วนนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่ได้รับการจัดสรรปรากฏว่าผู้ที่ได้รับการจัดสรรมากสุดคือ NG KIN IN ได้รับการจัดสรรจำนวน 1.61 ล้านหุ้นหรือ 0.03% มูลค่าเงินลงทุน 450,520 ดอลลาร์สิงคโปร์

ในด้านของผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรืออันเดอร์ไรเตอร์พบว่ามีบริษัทหลักทรัพย์ของไทย 2 รายที่ร่วมจำหน่ายคือ บล.ไทยพาณิชย์และบล.ภัทร ซึ่งได้รับการจัดสรรหุ้นให้ไปจำหน่ายแห่งละจำนวน 873.16 ล้านหุ้นเท่ากัน ส่วนรายที่ได้รับการจัดสรรมากสุดได้แก่ J.P.Morgan(S.E.A.)Limited จำนวน 1,606.49 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ถือได้ว่าหุ้นบริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นจึงทำให้ได้รับเงินจากการระดมทุนเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วเช่นค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ในต่างประเทศ,ค่าธรรมเนียมการขออนุญาตให้ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์รับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและค่าธรรมเนียมแรกเข้า,ค่าจ้างที่ปรึกษาอื่นๆ และค่าตรวจสอบบัญชี และอื่นๆ จะทำให้บริษัทไทยเบฟเวอเรจได้รับเงินจากการระดมทุนทั้งสิ้น 36,476.79 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us