|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กลุ่มทุนใหญ่สิงคโปร์ “ซีดีแอล” เปิดคอนโดหรูกลางเมือง ตอกย้ำลงทุนระยะยาว พร้อมลุยอสังหาฯ ทุกรูปแบบ เล็งทำโครงการแนวราบก่อนสิ้นปี พร้อมบุกเข้าเวียดนาม ตั้งเป้าเป็นแนวหน้าอสังหาฯ ในเมืองไทย
แม้ว่ากระแสการไหลเข้าของกลุ่มทุนข้ามชาติจะไม่ใช่เรื่องใหม่นักในช่วงนี้ แต่ก็เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต้องจับตา ว่าจะเป็นการกลืนกินระบบเศรษฐกิจไทยหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่กลุ่มทุนต่างชาติตบเท้าเข้ามาในเมืองไทยจำนวนมาก
ที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ กลุ่มทุนจากประเทศสิงคโปร์ ที่เคยถูกกล่าวขานให้เป็นหนึ่งในเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย เช่น แคปปิตอลแลนด์, แคปเปลแลนด์, เซ็นเตอร์พอยท์, โฮเต็ล พร็อพเพอร์ตี้ฯ รวมถึงกลุ่มที่น่าจับตามอง อย่าง “ซีดีแอล” หรือ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่ติดท็อปไฟล์ในสิงคโปร์ โดยซีดีแอลมีการลงทุนกว่า 20 ประเทศทั่วโลกในธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ซีดีแอลเปิดตัวครั้งแรกด้วยจับมือกับกองทุนเวสท์บรู้ก พาร์ทเนอร์ จากอเมริกา และให้ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หรือ หม่อมเต่า อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่เป็น Project Coordinator ให้กับโครงการ ด้วยการเปิด “มิลเลนเนียม ฮิลตัน” โรงแรมหกดาวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านคลองสาน ซึ่งตึกดังกล่าวประมูลมาได้จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.)
จากนั้นซีดีแอลในนามของบริษัทย่อย คือ เอ็มแอนด์ซี ได้ร่วมกับกลุ่มจันทร์ศรีชวาลา สร้างโรงแรมระดับห้าดาว “มิลเลนเนียม สุขุมวิท แบงคอก” และล่าสุดซีดีแอลร่วมกับ สุชาติ เจียรานุสสติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มอาร์ สุขุมวิท จำกัด เปิดตัวคอนโดมิเนียมหรู “มิลเลนเนียม เรสซิเดนท์ สุขุมวิท” พื้นที่ 12 ไร่ ใน ซ.สุขุมวิท 16-20 เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบนแบบครอบครัวที่ต้องการห้องชุดที่มีพื้นที่กว้างขวางตั้งแต่ 66-637 ตร.ม. มูลค่าโครงการ 8 พันล้านบาท ขณะนี้มียอดขาย 20%
แม้จะถูกมองว่าขณะนี้มีคอนโดฯระดับบนเข้าสู่ตลาดค่อนข้างมาก และอาจจะมีปัญหาในการทำตลาด แต่สุชาติ กลับมองว่า “การที่ใครจะมาจับตลาดไฮเอนด์เป็นแค่แนวคิด แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับทำเล ซึ่งหากมีแนวคิดการออกแบบโครงการที่ดี ลูกค้าน่าจะสนใจ ขณะนี้มีลูกค้าที่มาซื้อโครงการเป็นคนไทย 60% และชาวต่างชาติ 40%” จากคำตอบของสุชาติดูมีความมั่นใจกับโครงการมาก อาจเป็นเพราะทำเล คุณภาพ และความเป็นมืออาชีพของซีดีแอลในอสังหาริมทรัพย์
สำหรับเป้าหมายในการจับโครงการต่อไปของซีดีแอล เจีย เนง ฮง ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มซีดี แอล กล่าวว่า “การเข้ามาในเมืองไทยของซีดีแอลเป็นการลงทุนระยะยาว เน้นอัตราผลตอบแทน (Internal Rate of Return) 20-25% และมุ่งที่จะเป็นบริษัทแนวหน้าในอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย โดยมีเป้าหมายจะทำโครงการสำนักงานให้เช่า โรงแรมที่ภูเก็ต และจังหวัดอื่นๆ รวมทั้งบ้านเดี่ยวระดับบน ราคาเฉลี่ย 10 ล้านขึ้นไป ซึ่งบ้านเดี่ยวน่าจะออกมาให้เห็นภายในสิ้นปี”
เมื่อมองลักษณะการพัฒนาโครงการ จะเห็นได้ว่าซีดีแอลมักจะเน้นพัฒนาโครงการจากการเข้าไปเทกโอเวอร์ตึกเก่าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ เช่น อาคารพรภัทร บริเวณสี่แยกอโศก-สุขุมวิท และเปลี่ยนชื่อเป็น อาคารเอ็กซ์เชนจ์ทาวเวอร์ และตึกยังไม่ก่อสร้างไม่สมบูรณ์ คือ อาคารริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตันในปัจจุบัน
สอดคล้องกับขณะนี้ที่กระทรวงการคลังมีนโยบายที่จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาอาคารร้างทั่วประเทศ และซีดีแอลมีแผนที่จะลงทุนอาคารสำนักงานเพิ่ม ม.ร.ว.จัตุมงคล ในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานในเมืองไทย และมีสายสัมพันธ์กับเจ้าของที่ดินหลายเจ้า กล่าวว่า ซีดีแอลก็มีความสนใจตึกร้างที่มีอยู่ใน กทม. เช่นกัน ขณะนี้มีคนมาติดต่อให้ซื้อ 4-5 ตึก แต่ยังไม่ตัดสินใจ ส่วนแนวคิดที่กระทรวงการคลังจะถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ด้านความคืบหน้าของโครงการภูเก็ต จังซีลอน โรงแรม คอนโดมิเนียม และพื้นที่ค้าปลีก ที่กลุ่มซีดีแอลไปเทคโอเวอร์มาจากกลุ่มรัตนกำชัย กลุ่มอุดมคุณธรรม และกลุ่มเจ้าของที่ดินเดิมว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างตกแต่งภายใน และทยอยมอบพื้นที่รีเทลให้ผู้เช่า ส่วนโรงแรมกำลังตัดสินใจเลือกเชนมาบริหารโรงแรม โดยมีการจัดตั้งทีมงานมาบริหารแล้ว ใช้เม็ดเงินลงทุน 4 พันล้านบาท
นอกจากนี้ซีดีแอลยังสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในเวียดนามด้วย เนื่องจากมีต้นทุนค่าที่ดินและค่าแรงงานต่ำ โดยสนใจที่จะลงทุนประเภทที่อยู่อาศัยในช่วงแรก เพราะมองว่ามีกำลังซื้อรออยู่พอสมควร และมองแนวโน้มว่าในอนาคตจะมีคนเวียดนามที่ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศกลับเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นด้วย
|
|
|
|
|