สำหรับวิเชษฐ ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งและมีส่วนในการรับรู้การซื้อบัมเบิ้ลบีฯ
ของยูนิคอร์ด มาตั้งแต่ต้น
ดำริห์ ดึงวิเชษฐ์มาร่วมงานเมื่อต้นปี 2531 เพือหวังที่จะให้เป็นมือการเงินเพื่อเสริมศักยภาพของตน
ซึ่งวิเชษฐ์ ก็ไม้ทำให้ดำริห์ผิดหวัง เพราะสามารถทำให้ยูนิคอร์ดซื้อบัมเบิ้ลบีฯ
ได้สำเร็จ โดยแทบที่จะไม่ต้องอกเงินตนเองแม้เต่บาทเดียวเลยในขณะนั้น
วิเชษฐ์ เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ บ้านและที่ดินไทย
ระหว่างปี 2528-2529 โดยก่อนหน้านั้น ระหว่างปี 2519-2527 วิเชษฐ์เคยเป็นกรรมการบริหาร
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ พัฒนาเงินทุน ซึ่งถือว่าช่วงที่วิเชษฐ์ดำรงตำแหน่งสำคัญนั้น
เป็นยุคที่บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ในเมืองไทยเฟื่องฟูอย่างมาก
บริษัทเครดิตฟองซิเอร์บ้านและที่ดินไทย นั้น ถือเป็นเครือข่าย "ตึกดำ"
อาณาจักรของบุญชู โรจนเสถียร ซึ่งกิจการหลัก ๆ ของกลุ่มนี้ ก็คือการซื้อขายบ้านและที่ดินและธุรกิจแบบซื้อมาขายไป
นอกจากนี้ยังเน้นการขยายธุรกิจเข้าไปซื้อกิจการของคนอื่นด้วย
แต่เนื่องจากในช่วงที่อาณาจักร "ตึกดำ" ผงาดในวงการนั้น สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศยังไม่มั่นคงเช่นปัจจุบัน
ประกอบกับเงินทุนของกลุ่มต้องสะดุดลง เมื่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พัฒนาเงินทุน
ต้องล้มกิจการลง เพราะขาดทุนอย่างหนักในการเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้ธุรกิจในเครือหลายแห่งพังครืนลงมา
จากวันนั้น ชื่อของวิเชษฐ์ บัณฑุวงศ์ ได้เงียบหายไป ซึ่งงาชิ้นสำคัญนี้กลับกลายเป็นต้นเรื่องแห่งความสับสนวุ่นวายของยูนิคอร์คมาถึงวันนี้
ณ เวลานี้ชื่อของ วิเชษฐ์ กำลังจะเป็นที่รู้จักขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปมปัญหาอันยากลำบาก
ซึ่ง เขาได้ร่วมรับรู้ในการสร้างมันขึ้นมา จะต้องถูกสะสางโดยที่ตัวเขาเองจะต้องกลับเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสะสางครั้งนี้ด้วย