|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซีพีเอฟ เบนเข็มผลิตเนื้อหมูพระเอกโกยรายได้ส่งออกแทนเนื้อไก่ หลังพบเทรนด์ตลาดยุโรป-ญี่ปุ่นเปลี่ยน ผวาโรคระบาดหันบริโภคเนื้อหมูแทน ล่าสุดทุ่ม 6,000 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตเนื้อหมูครบวงจร พร้อมระเบิดแคมเปญ”อาหารสัตว์ ซีพีเอฟ แจกโชคมโหฬาร 12 ล้าน”ครั้งใหญ่รอบ 15 ปี หวังเรียกความเชื่อมั่นหลังเกษตรกรผวาโรคระบาดในสัตว์ปีก สิ้นปีโต 20% กวาดรายได้ 4 หมื่นล้านบาท
นายวีรชัย รัตนบานชื่น รองกรรมการผู้จัดการบริหาร เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และผลิตอาหารจากสัตว์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เตรียมทุ่มงบลงทุน 5,000-6,000 ล้านบาท ลงทุนสร้างโรงงานหมูอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มเลี้ยงหมู โรงงานแปรรูป ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯได้วางแนวทางดันธุรกิจเนื้อหมูขึ้นมาเป็นสินค้าเรือธงในการส่งออก จากเดิมรายได้จากการส่งออกจากมาจากเนื้อไก่เป็นหลัก อีกทั้งที่ผ่านมาการผลิตเนื้อหมูของซีพีเอฟส่วนใหญ่เพื่อป้อนตลาดภายในประเทศเท่านั้น จากการมีโรงงานแห่งเดียวที่จังหวัดกาญจนบุรี
ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทฯต้องหันมาผลิตเนื้อหมูในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป อาทิ ประเทศอังกฤษ หรือกระทั่งในตลาดเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่น ผู้บริโภคเริ่มหันมาบริโภคเนื้อหมูแทนเนื้อไก่ เพราะหวั่นโรคระบาดในสัตว์ปีก สำหรับการส่งออกเนื้อหมูไปจำหน่ายตลาดต่างประเทศ บริษัทฯจะทำในลักษณะของการแปรรูป
ขณะนี้ทางอังกฤษได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูเกี่ยวกับระบบการเลี้ยง ล่าสุดบริษัทฯได้เตรียมหาพ่อพันธุ์และแม่พันธุหมู โดยคาดว่าปีนี้จะเริ่มส่งออกหมูแปรรูปได้ 400 ตัน หรือเพิ่มจากฆ่าเนื้อหมู 1,200 ตัวต่อวัน เป็น 1,600 ตัวต่อวัน
อัดแคมเปญแจก12ล.เรียกความเชื่อมั่น
นายวีรชัย กล่าวต่อถึงภาวะตลาดอาหารสัตว์ว่า หลังจากที่เกิดโรคระบาดในสัตว์ปีก ทำให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจ ขณะที่ตัวเกษตรกรก็ขาดความเชื่อมั่นเช่นกัน ดังนั้นเพื่อเรียกความเชื่อมั่นบริษัทฯจึงได้ทุ่มงบ 12 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญครั้งใหญ่ในรอบ 14-15 ปี ”อาหารสัตว์ ซีพีเอฟ แจกโชคมโหฬาร 12 ล้าน เพื่อเกษตรกรทั่วไทย” โดยเกษตรกร และตัวแทนจำหน่ายอาหารสัตว์ซีพีเอฟมีสิทธิ์ ส่งคูปองร่วมลุ้นของรางวัลเป็นรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ และรถกระบะวีโก้รวมทั้งสิ้น 17 คัน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ถึง วันที่ 10 ธันวาคม นี้
ทั้งนี้จากการเกิดโรคระบาดแพร่ในสัตว์เมื่อต้นปี 2547 ทำให้ภาครัฐต้องฆ่าสัตว์ปีกไป 8 ล้านตัวต่อสัปดาห์ แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มกลับมาดีขึ้น ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ปีกเริ่มฟื้นกลับคืนมา มีเกษตรกรเลี้ยงไก่เพิ่มเป็น 18 ล้านตัว จากสถานการณ์ปกติมีการเลี้ยงไก่เฉลี่ย 22 ล้านตัว
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าหากมีการแพร่ระบาดโรคสัตว์ปีก จะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม เนื่องจากในช่วง 2ปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้พยายามควบคุมและป้องกันโรคจากสัตว์โดยร่วมกับสาธารณะสุข รวมทั้งจัดสัมนาให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
สำหรับภาพรวมตลาดอาหารสัตว์มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 9.5 ล้านตัน ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 14% หรือในเชิงปริมาณเพิ่มเป็น 10.9 ล้านตัน อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังนี้หรือตั้งแต่เดือนสิงหาคม-กันยายน คาดว่าวัตถุดิบหลักการผลิตอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดมีแนวโน้มว่าจะถูกลง จากเมื่อปี 2548 ราคาข้าวโพดราว 5.60บาท เพิ่มเป็น 6.40บาทในปี 2549 โดยซีพีเอฟมีรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์ 3.8 หมื่นล้านบาทต่อปี สำหรับในปีนี้บริษัทยอดขายของตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20% หรือมีรายได้ 4 หมื่นล้านบาท
|
|
|
|
|