"ถ้าไม่มีบัมเบิ้ลบี ยูนิคอร์ดจะเจริญกว่านี้แล้ว แต่คุณดำริห์เขาต้องการที่จะบุกตลาดก่อนที่จะถูกบล็อก
ผมชื่นชมควมคิดของเขามาก เป็นคนดีที่ผมรู้จักเขามานานมาเกือบ 25 ปีตั้งแต่เขาอยู่เบทาโกรด้วยกัน
เขาเป็นคนเข้มแข็งและมุ่งมั่นมาก แต่พอรู้ข่าวจากไอทีวี ผมงงและช็อก!! เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย
ไม่มีใครทีโรงงานรู้ข่าวเลยจนกระทั่ววันรุ่งขึ้น แต่เราทำงานกันปกติจนกระทั่งจะมีนโยบายบริษัทที่ร่วมกับแบงก์ออกมา"สำหรับสตีเฟน ลี เพื่อนร่วมมงานชาวสิงคโปร์คนนี้ ดำริห์ไว้วางใจให้เป็นผู้จัดการฝ่ายคลังสินค้า
อยู่ที่โรงงานใหญ่โตของยูนิคอร์คที่มหาชัย บนเนื้อที่ 100 ไร่ ตัวเลขการผลิตเพื่อส่งออกในแต่ละเดือนที่สตีเฟ่น
ลีได้รับทราบเป็นเรื่องที่สะท้อนแง่มุมดีว่า
"โรงงานที่มหาชัยเราผลิตปลาทูน่ากระป๋องได้เดือนละ 500 ตู้ ซึ่งตู้หนึงก็ประมาณ
1,700 กว่าหีบ แสดงว่าเราขายดีออร์เดอร์ก็มาก เรานำเข้าปลาทูน่าโดยซื้อจากโบรกเกอร์ที่ญี่ปุ่นและไต้หวัน
ราคาคันหนึ่งประมาณ 800-900 เหรียญ แม่เมื่อ 2-3 ปีก่อน ปลาทูน่าเคยขึ้นถึงตันละ
1,200-1,300 ผลิตมาก็ขายได้มาก ยิ่นตอนก่อนคริสต์มาสราวเดือนกันยายน จะผลิตมาก
เพราะขายดีมากในช่วงปีใหม่
ปัญหาบัมเบิ้ลบี ผมได้ยินว่าจะขายได้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ขายไม่ได้
คุณดำริห์คงคิดมากและเครียดมาก แต่ผมว่าเขาน่าจะให้เวลากับตัวเอง ไม่น่าคิดสั้นเลย
เพราะประสบการณ์ที่ยากจะหาคนอื่นเหมือนเขาได้ ผมนับถือเขาจริง ๆ
สิ้นเสียงสตีเฟ่น ลี ก็สิ้นเสียงตอกตะปูตัวสุดท้ายบนโลง เป้นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าดำริห์
ก่อนันทเกียรติ นักบริหารผู้กล้าหาญรับผิดชอบแบบลูกผู้ชายที่เด็ดเดี่ยวด้วยการยอมชดใช้หนี้ด้วยชีวิตและวิญญาน
โดยปราศจากเสียงสรรเสริญเป็นมาลัยแห่งชีวิต