ทีแอลเอ็มปรับแผนลดความเสี่ยง เปิดรับสมาชิกคนไทยกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 50 ปีขึ้นไป อ้างทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว พร้อมแต่งตั้ง บลิสเทลชอป เป็นผู้ทำตลาดและจัดจำหน่ายในประเทศ ตั้งเป้าเฉพาะยอดคนไทย 1 แสนใบในปีแรก ล่าสุดกำหนด 1 สิงหาคม 49 ดีเดย์เริ่มจำหน่ายบัตรสมาชิกไทยจัดการลองสเตย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้า 1 แสนรายในสิ้นปี

พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ TLM เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับแผนธุรกิจโดยเตรียมที่จะเปิดรับสมัครสมาชิกในกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปด้วย โดยจะจำหน่ายบัตรสมาชิกในราคา 800 บาท มีอายุบัตร 1 ปี แต่จะได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่าบัตรแพลตตินั่ม ที่มีราคาบัตรอยู่ที่ 700 เหรียญสหรัฐ โดยได้แต่งตั้งให้บริษัท บลิสเทล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายบัตรสมาชิกไทยจัดการลองสเตย์ดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียวเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ โดยเงื่อนไขหลักคือ บลิสเทล จะต้องหาสมาชิกคนไทยให้ได้ 1 แสนรายภายในระยะเวลา 1 ปี

ทั้งนี้บริษัทบลิสเทล จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโมบายชอป จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริม ซึ่งมีชอปกระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณ 200 แห่ง โดย ทีแอลเอ็มได้แบ่งรายได้ให้แก่ บลิสเทล 20% สำหรับบัตรสมาชิกคนไทย และ 15% สำหรับบัตรสมาชิกชาวต่างชาติ โดยบลิสเทลจะรับผิดชอบด้านการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ตลาดคนไทยในประเทศทั้งหมด รวมถึงต้องมีพนักงานคอยต้อนรับลูกค้าและตอบข้อซักถามได้ ส่วนสิทธิประโยชน์ที่สมาชิกคนไทยจะได้รับ ได้แก่ บริการฟาสต์แทรกที่สนามบิน ส่วนลดที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร กอล์ฟ สปา โรงพยาบาล เป็นต้น ในอัตราเดียวกันกับสมาชิกที่เป็นชาวต่างชาติ

“ที่เราเพิ่มสมาชิกคนไทยเข้ามา เพราะมีการสอบถามจากคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการได้รับสิทธิและบริการเช่นเดียวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวลองสเตย์ที่เป็นต่างชาติ ดังนั้นเราจึงเพิ่มตลาดคนไทยเข้ามา โดยแนวคิดนี้เราเพิ่งคิดได้เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา และไม่ได้ขอความเห็นจากบอร์ด เพราะมองว่าไม่ผิดกฏบริษัทฯจึงสามารถทำได้ทันที”

**ปรับยอดสมาชิกต่างชาติเหลือ6หมื่นราย**

สำหรับแผนธุรกิจโดยรวม ทีแอลเอ็มเตรียมเปิดจำหน่ายบัตรสมาชิกในวันที่ 1 สิงหาคม 49 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิมเล็กน้อย จากที่วางไว้ว่าจะเริ่มจำหน่ายบัตรสมาชิกในเดือนนี้(ก.ค.) โดยมุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่เดือนตุลาคมศกนี้เป็นต้นไป ตลาดเป้าหมายแรกที่จะเข้าไปทำตลาดได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี และ จีน จากนั้นจะขยายไปยังตลาดแถบยุโรปและตะวันออกกลาง รวมทั้งหมด 22 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา เยอรมัน สวีเดน เดนมาร์ก รัสเซีย ไอแลนด์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม เป็นต้น โดยล่าสุดที่ประเทศญี่ปุ่นทีแอลเอ็มมีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 5 ราย ตั้งเป้ายอดสมาชิกภายในสิ้นปีนี้ 2 หมื่นราย ขณะที่เป้าหมายยอดสมาชิกรวมภายในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1 แสนราย แบ่งเป็นสมาชิกคนไทย 4 หมื่นราย และสมาชิกชาวต่างชาติ 6 หมื่นราย

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ทีแอลเอ็ม ตั้งเป้ายอดจำหน่ายบัตรสมาชิกสำหรับชาวต่างชาติ 1 แสนรายในสิ้นปีนี้ โดยวัตถุประสงค์ของ ทีแอลเอ็มเคยระบุว่า จะดำเนินธุรกิจเป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นชาวต่างชาติอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ที่มีความประสงค์จะเข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศไทย โดยมุ่งเป้าหมายไปที่ประเทศที่มีรัฐสวัสดิการ หรือมีรายได้ทุกเดือนจากรัฐบาลหลังเกษียณอายุ โดยจัดทำเป็นบัตรสมาชิกอายุ 1 ปี มี 5 แบบให้เลือก ตั้งแต่ ซิลเวอร์ โกลด์ แพลตตินั่ม ไดมอนด์ และบลูไดมอนด์ โดยมีราคาบัตรตังแต่ 100,500,700,1,100 และ 1,800 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ซึ่งสิทธิพิเศษจะแตกต่างกันตามมูลค่าบัตร เริ่มตั้งแต่สิทธิพิเศษฟาสต์แทรกในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง การขอวีซ่าและอายุการให้วีซ่า การทำประกันภัย และ สิทธิส่วนลด5-50% ในที่พัก ร้านอาหาร โรงพยาบาล สนามกอล์ฟ สปา และอื่น

ล่าสุด ทีแอลเอ็ม ได้ลงนามความร่วมมือกับตัวแทนผู้ประกอบการที่ให้บริการที่พัก โรงแรม รีสอร์ท สนามกอล์ฟ,สปา และ บริการส่วนลดร้านอาหาร รวมกว่า 1 พันรายที่เข้าร่วมโครงการ จากก่อนหน้านี้ ทีแอลเอ็มได้ร่วมลงนามกับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ในการจัดการเรื่องที่พักอาศัย และการเปิดเช่าระยะยาวให้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้

ปัจจุบันTLM มียอด-าดทุนสะสม 45 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ส่วนหนึ่ง โดยปีหน้าคาดว่า ผลประกอบการจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่เหลือได้ทั้งหมด โดยในขณะนี้TLMยังไม่มีการเรียกทุนเพิ่มจากผู้ถือหุ้น

ล่าสุดผู้ถือหุ้นได้มีการชำระค่าหุ้นมาแล้วรวม 70 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท