|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์" บิ๊กแบงก์กรุงไทยเปิดใจไม่เซอร์ไพรส์กรณีกระทรวงการคลังเรียกแบงก์พาณิชย์ไปถกปัญหาสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ ระบุการปล่อยกู้เป็นหน้าที่ของสถาบันการเงิน รัฐบาลหรือคลังจะบีบบังคับให้อุ้มธุรกิจไม่ได้ เผยนโยบายแบงก์กรุงไทยให้ความสำคัญในการดูแลความเสี่ยง
กรณีที่นายทนง พิทยะ รักษาการ รมว.คลัง จะเชิญผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ไปหารือเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีหลังให้กับผู้ประกอบการหลังจากพบว่ามีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฉพาะสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อรถยนต์ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีอะไรพิเศษและไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์ต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของธุรกิจ
ดังนั้นกระทรวงการคลังไม่สามารถสั่งการหรือบีบบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเพื่ออุ้มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง แต่คงต้องหาแนวทางร่วมกันในการดำเนินการว่าในปัจจุบันสถาบันการเงินแต่ละแห่งต่างมุ่งขยายสินเชื่ออยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของธนาคารกรุงไทยเองเป็นธนาคารของรัฐคงจะไม่มีการหยุดปล่อยสินเชื่อแต่จะเน้นมาพิจารณาเรื่องของการดูแลความเสี่ยงให้มากขึ้น
“เขาคงไม่ขอความร่วมมือเรื่องการตรึงดอกเบี้ยเหมือนกับกรณีแบงก์รัฐอยู่แล้ว เพราะแบงก์เราจดทะเบียนในตลาดไม่เหมือนแบงก์รัฐ อีกอย่างแบงก์รัฐเมื่อถูกตรึงดอกเบี้ยก็จะได้รับการอุดหนุนด้วยงบประมาณ แต่แบงก์กรุงไทยไม่ได้” นายอภิศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของธนาคารนอกจากต้องสร้างผลกำไรจากการทำธุรกิจให้มากที่สุดแล้ว ธนาคารยังธำรงไว้ซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคมต่อประเทศด้วยในฐานะที่เป็นแบงก์รัฐ ซึ่งหากสามารถทำกำไรหรือมีรายได้ที่เพียงพอ ก็พร้อมที่จะแบ่งส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือสังคม
“ในช่วงที่เขาบอกว่าอยากจะให้ออกโครงการธงฟ้า ธนาคารได้ออกโครงการธงฟ้าธนวัฏซึ่งก็ลดอัตราดอกเบี้ยให้แก่ผู้ที่มาขอกู้เงินธนวัฏในช่วงนั้นถึง 3%เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งอันนี้ถือว่าเราถ้าเราอยู่ในวิสัยที่ถือว่าเราช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่ เราได้ประโยชน์ ลูกค้าได้ประโยชน์ ขณะเดียวกันได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นในอนาคต เราให้สังคมเราก็ได้ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น”
อย่างไรก็ตามการปล่อยสินเชื่อภาครัฐในช่วงครึ่งปีแรกมองว่ายังสามารถเติบโตได้ดีโดยเฉพาะรายย่อย เนื่องจากธนาคารมีโครงการสินเชื่อธนวัฏ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่โตอย่างต่อเนื่องและมีหนี้เสียน้อย และสินเชื่อบ้านที่ธนาคารได้ทำรีไฟแนนซ์เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ครบกำหนดใช้ให้กับธนาคารแล้ว โดยก่อนหน้านี้ธนาคารไม่ได้รุกสินเชื่อส่วนนี้ แต่ปัจจุบันธนาคารได้กลับมาดูแลทำให้มียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้คู่แข่งขยายธุรกิจในส่วนนี้ลำบากขึ้น
นายอภิศักดิ์ยังเปิดเผยถึงการขยายสินเชื่อรายใหญ่ของธนาคารว่ายังสามารถเติบโตได้ดี โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาพบว่าการขยายสินเชื่อรายใหญ่ที่เป็นสินเชื่อระยะสั้นยังสามารถเติบโตได้ ส่วนการกู้เพื่อลงทุนยังมีไม่มาก ซึ่งปัจจุบันธนาคารเองจะออกไปหาลูกค้าเพื่อปล่อยสินเชื่อต่างจากเมื่อก่อนที่ลูกค้าต้องมาที่ธนาคาร
“กู้เพื่อการลงทุนยังมีไม่ค่อยมาก ส่วนใหญ่กู้ระยะสั้นเป็นในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราไม่อนุมัติหรือลูกค้าไม่เข้ามาเดี๋ยวนี้เราต้องออกไปหาลูกค้าแบงก์ตอนนี้การหาสินเชื่อต้ องไปหาลูกค้า รอให้ลูกค้าเข้ามาไม่ได้กิน ทีมงานของเราขณะนี้รุกไปทุกสาย ออกไปหาลูกค้าเพื่อหาสินเชื่อ ไม่ใช่นั่งเฉย”
ทั้งนี้ ในหลักการหากมองในภาพรวมระหว่างเงินทุนกับความต้องการในการลงทุนอาจจะไม่ดี เพราะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตจะโตต่อเนื่องได้ต้องมีความต้องการลงทุน แต่ถ้ามีเงินทุนแต่การลงทุนหยุด ผลก็คือในอีก 6 เดือน 1 ปีข้างหน้าก็จะไม่มีสินค้าใหม่เกิดขึ้น จะเป็นผลไม่ดีต่อเศรษฐกิจส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ประเมินขณะนี้นักลงทุนยังรอจังหวะการลงทุน หากปัจจัยต่างๆ เข้าสู่ภาวะปกติ จะมีหลายๆ ภาคธุรกิจเดินหน้าก็จะใช้กำลังการผลิตก็เกินกว่า 80-90%
กสิกรชี้ปล่อยกู้ตามกลไกตลาด
ผู้จัดการรายวัน-“ประสาร”แนะการปล่อยสินเชื่อของแบงก์พาณิชย์ต้องสะท้อนความจริงหากเน้นปล่อยสินเชื่อมากไปอาจเพิ่มความเสี่ยงกับทุกฝ่าย ยอมรับสินเชื่อครึ่งปีหลังหดตัว พร้อมแบง่เกรดเอ็นพีเอขายบสก.ตั้งราคา 67-82%
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)KBANK เปิดเผยว่า การที่ภาครัฐมีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจนั้น การปล่อยสินเชื่อควรที่จะสะท้อนความเป็นจริงของธุรกิจ เนื่องจากการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อเกินความเป็นจริงอาจเป็นความเสี่ยงของธุรกิจและธนาคารเอง
ซึ่งในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์เอกชนส่วนใหญ่มีการปล่อยสินเชื่อตาม ความต้องการของภาคธุรกิจอย่างเต็มที่ เนื่องจากจะต้องหารายได้และให้การปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมายแต่ การปล่อยสินเชื่อก็ต้องระมัดระวังคุณภาพ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีโอกาสขยายตัวได้ในส่วนของบ้านที่มีราคา 1-3 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ก็ยังมีการขยายตัวพอสมควร
“สินเชื่อที่ชะลอเป็นการสะท้อนความเป็นจริงของเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าเศรษฐกิจจริงต้องการเงินมากแบงก์ก็ปล่อยมากแต่หากต้องการน้อยและให้มากก็จะผิด และตรงนี้ก็ไม่มีแบงก์ไหน ไม่อยากปล่อยสินเชื่อ เพื่อหารายได้ แต่ก็ต้องทำตามสภาพความเป็นจริง” นายประสารกล่าว
สำหรับสินเชื่อในครึ่งปีหลัง นายประสารยอมรับว่า ยังมีแต่จะไม่สูงมาก เพราะการลงทุนในประเทศ การอุปโภคและบริโภคชะลอลง ทำให้ความต้องการใช้เงินน้อยลง แต่สินเชื่อที่ยังขยายตัวเนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่น่าจะโตได้ในอัตรา 4%
ส่วนการขายสินทรัพย์รอการขาย หรือNPA ของธนาคารให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพ พาณิชย์ จำกัด(บสก.)นั้น มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะนำทรัพย์ประเภท NPA ขายให้กับบสก. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประเมินพอร์ทของธนาคารเปรียบเทียบกับราคาเสนอซื้อทรัพย์
“ธนาคารก็สนใจที่จะขายทรัพย์ประเภทNPA ของธนาคารให้กับบสก. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินพอร์ตสินเชื่อ เพราะขั้นตอนการรับซื้อจะต้องจัดทรัพย์แบ่งเป็นกองๆละ 500 ล้านบาท” นายประสารกล่าว
สำหรับการซื้อทรัพย์NPA ของบสก. แบ่งเป็น 4 เกรด ได้แก่ ทรัพย์เกรด A ซื้อในราคา 82% เกรด B ซื้อราคา 77% ทรัพย์เกรด C ซื้อราคา 72% และทรัพย์เกรด D ซื้อในราคา 67%
|
|
|
|
|