|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ชนิตร ยังไม่อาจดันให้ตลาดหุ้น mai โดดเด่นขึ้นมาได้ แม้เวลาผ่านไปครึ่งปีแล้ว และเป้า 15 บริษัทที่จะเดินหน้าเข้ามาขายหุ้น IPO อาจคลาดเคลื่อนตามเคย เพราะขณะนี้มีหุ้นน้องใหม่ TRT ตัวเดียวที่ฝ่ามรสุมเข้ามาเทรด แต่ไม่อาจรอดพ้นวิกฤตได้ ทำให้หุ้นปิดต่ำกว่าราคาจอง ส่วน “ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม ” เลื่อนจากการขายหุ้น IPO จากไตรมาส 2 เป็นปลายปีนี้ผลจากปัจจัยทางการเมือง ตลาดหุ้นผันผวนและภาวะเศรษฐกิจที่ซึมลึก
ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ หรือ mai ยังคงซบเซาต่อเนื่อง ไม่ขานรับกรรมการผู้จัดการคนใหม่อย่าง “ชนิตร ชาญชัยณรงค์” ที่ก้าวมารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมปี 2549 และมีแผนที่จะผลักดันให้ตลาดนี้ดูดีขึ้นตามลำดับ พร้อมอ้าแขนรับบริษัทน้องใหม่เข้ามาต่อเนื่อง ทำให้มีการทบทวนและลดเป้าบริษัทจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอปีนี้เหลือเพียง 15 บริษัท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้สูงถึง 40 บริษัท แต่ครึ่งปีผ่านมาพบว่ามีบริษัทเข้ามาซื้อขายเพียง 1 บริษัทเท่านั้น
ทั้งที่เมื่อครั้งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ ชนิตร ยังไม่มีการทบทวนเป้าของบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียน แต่สุดท้ายก็ต้องปรับลด และยอมรับว่าปัจจัยลบในด้านการเมือง ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าจดทะเบียนของบริษัทหลายแห่ง
ขณะที่การจัดตั้งกองทุนเอ็มเอไอ แมทชิ่งฟันด์ ซึ่งมีมูลค่ากองทุน 1 พันล้านบาทนั้น แม้ว่าจะมีกองทุนเพื่อการร่วมลงทุนหรือเวนเจอร์แคปปิตอล ที่แสดงความสนใจเข้ามาเป็นพันธมิตรและติดต่อจำนวนมากกว่า 10 ราย เนื่องจาก เวนเจอร์แคปปิตอลแต่ละรายนั้น จะมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันและให้ผลตอบแทนที่ไม่เท่ากัน โดยเวนเจอร์แคปปิตอลจะนำเงินจากกองทุนเอ็มเอไอ แมทชิ่งฟันด์เข้าไปลงทุนในบริษัทที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งได้กำหนดว่าการลงทุนในแต่ละบริษัทนั้นจะไม่เกิน 50 ล้านบาท โดยคาดว่าภายในระยะเวลา 2-3 ปีจะใช้เงินจากกองทุนมากกว่า 50% ของมูลค่ากองทุน ส่วนที่เหลือก็จะนำไปสำรอง ในกรณีที่บริษัทที่กองทุนเข้าไปถือหุ้นได้มีการเพิ่มทุน ซึ่งจะนำเงินที่สำรองไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว
นางสาวปฐมาพร ไชยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัททรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมเพื่อร่วมลงทุนในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Venture Capital Fund) เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ส่งผลให้แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ของ 2 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บริษัท แจเปน เรนท์ (ประเทศไทย ) จำกัด (มหาชน) ซึ่งยังรวมอยู่ในกลุ่มที่กองทุนรวม เพื่อร่วมลงทุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Venture Capital Fund) ของ บลจ.วรรณ สนใจเข้าลงทุนด้วยในสัดส่วน 10% ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนภายหลังการร่วมทุน เป็นจำนวน 66.67 ล้านบาท และยังมี บริษัท โกลเด้นมายด์ เซอร์วิส จำกัด ที่กองทุนร่วมลงทุนอยู่ประมาณ 39 ล้านบาท หรือ 16.6% ต้องเลื่อนออกไปจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายจะเข้าจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้
นอกจากนี้แล้ว การที่mai เข้าร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติเพื่อผลักดันธุรกิจแอนิเมชั่นและมัลติมีเดีย อันเป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งเป็นธุรกิจเป้าหมายของ mai เห็นถึงประโยชน์และใช้ตลาดทุนเป็นช่องทางการระดมทุน โดย mai จะสนับสนุนการระดมทุนของธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นยังไม่เห็นภาพออกมา
แม้ความพยายามของชนิตร จะต้องการเห็นบริษัทใหม่ ๆ เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น ซึ่งจนกระทั่งวันนี้ย่างเข้าเดือนที่ 7 หรือกว่าครึ่งปีแล้ว พบว่ามีเพียง บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) (TRT) ที่กล้าลุยไฟเข้ามาเทรด แต่ก็ไปไม่รอด เพราะเทรดวันแรกก็พบว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาจองโดยปิดตลาดพบว่าราคาหุ้นต่ำจองปิดที่ 5.40 บาท ขณะที่ราคาIPO อยู่ที่ 5.75 บาท
ทั้งนี้ ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ mai นับวันจะแผ่วลง ๆ บวกกับมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง ๆ บางวันตลอดทั้งวันซื้อขายกันไม่ถึง 10 ล้านบาท โดยเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีอยู่ในช่วงระหว่าง 30-70 ล้านบาท แม้อาจมีบางวันที่ซื้อขายกันคึกคักขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายจนเหมือนมีนัยแต่อย่างใด ดัชนีที่เคยยืนอยู่เกือบ 200 จุด แทบจะไม่มีให้เห็นแล้วเพราะนับวันปรับลด โดยเดือนมกราคมดัชนีต่ำกว่า 160 จุด หลังจากนั้นก็พบว่าค่อย ๆ ขยับขึ้นไปเหนือ 170 จุด และแผ่วลงในเดือนพฤษภาคมจนปัจจุบันที่ต่ำกว่า 160 จุดแล้ว และมูลค่าซื้อขายก็ลดลงเรื่อย ๆ เหลือเพียงไม่กี่สิบล้านบาทเท่านั้น
เนื่องจากหุ้นยอดนิยมตัวนำตลาด mai 5 ตัวแรก ที่ปกติจะมีการมูลค่าการซื้อขายในระดับเกินกว่า 10 ล้านบาท แต่ปัจจุบันหุ้นตัวนำตลาดพบว่ามีการซื้อขายเพียง 2-3 ล้านบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนหุ้นที่เคยเป็นตัวนำตลาดหลาย ๆ ตัวเริ่มนิ่ง และราคาหุ้นก็ลดลง และบางวันก็แทบจะไม่มีการซื้อขายหรือราคาไม่เคลื่อนไหว เดือนแต่ต้นเดือนก.ค. ที่ผ่านมาพบว่ามูลค่าการซื้อขายช่วงเช้าเพียง 2.66 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ดัชนีตลาดmai อยู่ที่ 156.79 จุด บวกขึ้น 1.06 จุด ซึ่งเมื่อดูจากการซื้อขายพบว่ามีมูลค่าซื้อขายน้อยมาก แม้แต่หุ้นตัวนำตลาด 10 ตัวที่ก่อนหน้าเคยซื้อขายกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ปีนี้แทบจะมีให้เห็นน้อยมากและช่วงกลางปีมานี้พบว่าอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท และระยะหลัง ๆ แม้จะมีบางตัวเทรดเกิน 10 ล้านบาทบ้างก็เฉพาะเพียงหุ้นตัวแรก ๆ ที่นำตลาดเท่านั้น จึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าตลาด mai ซบเซาจากก่อนหน้านี้มาก จากเดิมที่ก็ไม่ได้คึกคักอย่างน่าชื่นชม
ส่งผลให้ บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) จะระดมทุน 35 ล้านหุ้น พาร์ละ 1 บาท เพื่อขายให้ประชาชนทั่วไป 33 ล้านหุ้นและอีก 2 ล้านหุ้น จะขายให้กับกรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP) โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ขยายงานเป็นทุนหมุนเวียน เนื่องจากปัจจุบัน การขยายงานของภาคโรงงานอุตสาหกรรมและโรงพยาบาลตลอดจนห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ มีการขยายงานมากและเติบโตต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องหาเงินเพื่อรองรับการขยายงานของ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผู้บริหารต้องการที่จะขายหุ้นเพื่อให้ได้เงินเข้ามาในไตรมาส 2 นี้ แต่หลังพบว่าปัจจัยรอบด้านและตลาดหุ้นซบเซาบวกกับความผันผวนที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องชะลอออกไปขายช่วงปลายนี้แทน คงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหลักทรัพย์ mai จะได้ต้อนรับหุ้นน้องใหม่อีกกี่ตัว
|
|
|
|
|