ปริญสิริ ประกาศปรับแผนการตลาดรับมือการแข่งขันเดือด จับมือสถาบันการเงินผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ซื้อบ้าน หวังดันยอดขายครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าโกยยอดขายปีนี้ 3,000 ล้านบาท ด้านธารารมณ์ฯขยายไลน์ทำโฮม ออฟฟิต เน้นกลุ่ม SME

จากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายต่างก็เร่งปรับตัวกันทั่วหน้า เพราะหากถึงตอนนี้แล้วใครไม่รีบปรับตัว เตรียมแผนมารองรับความเสี่ยงจากภาวะดังกล่าว อาจจะต้องเจ็บตัวได้

“ปริญสิริ”เป็นผู้ประกอบการบ้านเดี่ยวรายหนึ่ง ที่มีการยกเครื่องปรับแผนการตลาดกันใหม่ โดยเลือกใช้แผนด้านการเงินเข้ามาช่วยในการบริหารการตลาดอีกทางหนึ่ง หลังพบว่าแผนการตลาดเดิมที่ทำอยู่ไม่โดนใจผู้บริโภคจนหนีไปซื้อบ้านของคู่แข่ง เห็นได้จากยอดรับรู้รายได้ ในไตรมาส 1-2 ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย

ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการตลาดใหม่ ด้วยการนำกลยุทธ์ทางการเงินเข้ามาช่วยในการบริหารโครงการในช่วงไตรมาส 3 ในรูปแบบของการร่วมมือกับสถาบันการเงินในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย การผ่อนดาวน์ และเงื่อนไขการขอสินเชื่อซึ่งจะง่ายขึ้นสำหรับผู้บริโภค โดยบริษัทได้เจรจากับสถาบันการเงินหลายแห่ง อาทิ ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงไทย ธ.กสิกร ธ.UOB คาดว่าจะได้ขอสรุปในสัปดาห์นี้

“ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน การเมืองยังไม่นิ่ง ทำให้บริษัทต้องปรับตัว เพื่อรับมือกับภาวการณ์ที่เกิดขึ้น มีการจัดเก็บข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อปรับกลยุทธ์ด้านการตลาด ก่อนที่ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองจะมีผลกระทบต่อบริษัทมากขึ้น”

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนั้น บริษัทจะเริ่มดำเนินการ โดยโครงการที่ราชปรารภ จะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปีนี้ เป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 500 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท มูลค่า 1,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะเปิดตัวได้พร้อมกับโครงการคอนโดมิเนียน ย่านนราธิวาส ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท เน้นกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ของปริญสิริ

ส่วนอีก 5 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงานเป็นบ้านเดี่ยวทั้งหมด คาดว่าน่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างประมาณปลายปีนี้ ได้แก่ ปริญญาดา วงแหวน , ปริญญดา เพชรเกษม ,ปริญญดา กาจญนาพิเศษ และโครงการที่อ่อนนุช ส่วนปริญญดา พระราม2 เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 69 ยูนิต ราคา6-9 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 30 ยูนิต มูลค่า 300 ล้านบาท

ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ซื้อแลนด์แบงก์ 3-4 แปลง หรือประมาณ 60-70ไร่ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า คาดว่าจะพัฒนาในแนวราบเป็นส่วนใหญ่ มูลค่าประมาณ 300-400ล้านบาท

ด้านผลประกอบการในช่วง 5 เดือน มียอดขายแล้ว 1,000-1,200 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 3,000 ล้านบาท

ธารารมณ์ฯเบนเข็มทำโฮมออฟฟิต

ขณะที่วสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำตลาดบ้านเดี่ยวที่ในช่วงที่ผ่านมา ยอดขายเริ่มชะลอตัว จึงได้ปรับตัวด้วยการหันมาทำโครงการประเภทโฮม ออฟฟิตแทน เพื่อรองรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SME) ที่มีความต้องการมากขึ้น จากการต้องการทำงานที่บ้าน พร้อมทั้งพักอาศัยในสถานที่เดียวกัน โดยได้ลงทุนโครงการที่บริเวณถนนรามคำแหง 43/1 บนพื้นที่ 12 ไร่ จำนวน 130 ยูนิต ราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไป คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในราวปลายปีนี้

วสันต์ กล่าวอีกว่า นอกจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนแล้ว บริษัทยังได้เตรียมความพร้อมเรื่องการถูกปฎิเสธการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ด้วยการเก็บเงินดาวน์จากลูกค้าสูงกว่าปกติ โดยเฉลี่ย 10-15% ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการสกรีนลูกค้าให้กับสถาบันการเงินก่อนในชั้นแรก ที่สำคัญลูกค้าที่สามารถผ่อนเงินดาวน์ได้ตามที่บริษัทกำหนด จะสามารถผ่อนชำระคืนหนี้กับสถาบันการเงินได้ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าของธารารมณ์ฯยังเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก และยังสามารถชำระคืนหนี้ได้ เห็นได้จากที่ลูกค้าของธารารมณ์ฯที่ยังไม่ติดแบล็กลิสต์ หรือเป็น NPL เลย