|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดูเหมือนธุรกิจรับสร้างบ้านและธุรกิจรับเหมาในครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆที่รุมเร้าโดยเฉพาะปัญหาการเมือง ซึ่งส่งผลต่อความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคทำให้กำลังซื้อหดตัวค่อนข้างรุนแรงและบางส่วนได้ชะลอการตัดสินใจออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์ว่าจะจบลงในทิศทางไหน
จากผลกระทบในครึ่งปีแรก ทำให้ผู้ประกอบการต่างก็หวังที่จะเร่งกู้สถานการณ์หรือเรียกกำลังซื้อกลับคืนมาโดยเร็วในครึ่งปีหลัง ต่างชูกลยุทธ์ทางการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งลด แลก แจก แถม คาดว่าคงเริ่มทยอยออกมาให้เห็นบ้างในครึ่งปีหลังนี้แน่นอน ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อและอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่มีความพร้อมหรืออยู่ระหว่างตัดสินในซื้อหรือสร้างบ้านในช่วงนี้
สิทธิพร สุวรรณสุต เลขาธิการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า การจะทำให้ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับความเชื่อมั่นและสร้างมูลค่าสูงขึ้นในอนาคตนั้น กลุ่มผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้บริโภค เช่น กำหนดคุณสมบัติที่ดีของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่ผู้บริโภคควรรู้ , การกำกับดูแลผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตต่ออาชีพมิให้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจและผู้บริโภค และการพัฒนาแรงงานฝีมือและอาชีพก่อสร้างให้เป็นที่ยอมรับ
หากทั้ง 3 สิ่งนี้ได้รับการดูแลและพัฒนาจากผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้าน ในอนาคตเชื่อว่าธุรกิจรับสร้างบ้านจะเป็นที่น่าเชื่อถือและผู้บริโภคหันมาใช้บริการมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าให้เป็นที่ยอมรับของตลาดมากขึ้น สอดคล้องกับแนวคิดของรศ.ดร สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ รองอธิบดีประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “การจะเป็นผู้นำในธุรกิจนั้นต้องมีความคิดที่แตกต่างกับคู่แข่งและไม่ตามเทรนด์หรือตามกระแสมากเกินไป เพราะหากเราตามกระแสมากไปแห่ไปทำอย่างเดียวกันหมด จะทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาเกิดภาวะล้นตลาดขายไม่ได้ และการเอาหลัก SWOT เข้ามาใช้ในการบริหารงานด้วยก็จะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การรู้เข้ารู้เราและการมองให้เห็นอนาคต ก็จะทำให้เราสามารถยืนอยู่ในธุรกิจนี้ต่อไปได้”
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบเพิ่มขึ้น เพราะลำพังแค่ราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยและค่าวัสดุที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ผู้ประกอบการแทบกระอักเลือดอยู่แล้วนั้น เชื่อว่าธุรกิจรับสร้างบ้านและธุรกิจรับเหมาจะยังสามารถประคองตัวได้ดีในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้ธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะชะลอตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ สาเหตุหลักยังคงเป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ที่ส่งผลให้โครงการลงทุนในภาครัฐรวมถึงโครงการเมกะโปรเจกต์มีการเลื่อนงบประมาณออกไป
ขณะเดียวกัน ในส่วนของงานก่อสร้างในภาคเอกชนเองก็มีแนวโน้มการชะลอตัวเช่นกัน หลังจากที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจทางการเมือง การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจในการซื้อหรือการลงทุนเพิ่ม
ที่ผ่านมาสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างฯได้ขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลให้หาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนที่ผู้รับเหมาจะรับไม่ไหวจนต้องปิดตัวลงมามากกว่านี้ หลังจากที่ตัวเลขการขอเลิกกิจการของผู้รับเหมาเมื่อเดือนเม.ยที่ผ่านมาพุ่งไปแตะ100รายแล้วและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหากไม่ได้รับการแก้ไขโดยด่วน
ขณะที่ พัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดมีการชะลอตัวเช่นนี้ นอกจากการบริหารและจัดการกับต้นทุนแล้ว ที่สำคัญคงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น ในส่วนของบริษัทได้มีการปรับแนวทางมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยก่อนหน้าจะรับงานในภาคเอกชนเป็นหลัก อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร แต่ช่วงปี2549ได้หันมาประมูลโครงการในภาครัฐเพิ่มมากขึ้นและในอนาคตมีแผนงานที่จะเข้าประมูลโครงการในภาครัฐ อีกหลายโครงการ
“ตอนนี้คาดว่าตลาดยังไม่ส่งผลกระทบที่ชัดเจนมากนัก โดยเฉพาะกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดไม่ใหญ่ ปัญหาตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องการบริหารและจัดการกับต้นทุนมากกว่า ขณะที่บริษัทผู้รับเหมาขนาดใหญ่อาจได้รับผลกระทบพอสมควรจากตัวเลข Backlog ที่ต้องมีการประเมินกันใหม่ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบในระยะหนึ่ง จนกว่าเรื่องของการเมืองจะสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีได้” พัฒนพงษ์ กล่าว
ฟาก ดิเอ็ม เพอเร่อร์ เฮ้าส์ เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆทำให้ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์นี้เช่นกัน สุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิเอ็ม เพอเรอร์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นและสำรวจความต้องการของผู้บริโภคด้วย ซึ่งในอนาคตสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีแผนจะร่วมมือกับสมาคมธุรกิจจัดสรรในเรื่องการควบคุมงาน การบริหารจัดการในส่วนของการสร้างบ้านให้มีมาตรฐานที่ผู้บริโภคยอมรับได้
|
|
|
|
|