|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
น้ำมันพืชทิพ หนีสงครามราคา แตกซับแบรนด์ “ทิพไวส์” เปิดศึกน้ำมันพืชในเซกเมนต์กลุ่มพรีเมียมเพื่อสุขภาพที่มีน้ำมันรำข้าว ทานตะวัน ข้าวโพด และเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 10 % ต่อปี
“ทิพไวส์” ใช้กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยชูจุดขายของน้ำมันพืช 5 ประเภทที่เหมาะกับชนิดอาหารแต่ละประเภทเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดคือ 1.น้ำมันเมล็ดฝ้ายเหมาะสำหรับอาหารประเภททอด 2.น้ำมันข้าวโพดและ3.น้ำมันดอกทานตะวันเหมาะสำหรับอาหารประเภทผัด 4.น้ำมันสลัดเป็นน้ำมันถั่วเหลืองเหมาะสำหรับการทำน้ำสลัดและการผัด 5.น้ำมันถั่วเหลืองผสมน้ำมันปาล์ม เหมาะทั้งอาหารประเภททอดหรือผัด
นอกจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในด้านโภชนาการที่เป็นจุดเด่นแล้ว ยังมีการชูจุดเด่นที่รูปแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งมีความโดดเด่นและทันสมัย ได้รับ รางวัลบรอนซ์ อวอร์ด สาขาการสื่อสารการตลาด ด้านการออกแบบกราฟฟิคประเภทบรรจุภัณฑ์ จากการประกวดรางวัล Adman Awards 2006
ทั้งนี้ การสร้างเทรนด์ใหม่ในผู้บริโภคเลือกใช้น้ำมันพืชอย่างถูกชนิดดังกล่าว เป็นการเดินเกมเพื่อขยายขอบเขตการทำตลาดน้ำมันพืชทิพ เพราะที่ผ่านมาผู้บริโภคไม่มีความภักดีต่อแบรนด์ อีกทั้งมีความเชื่อว่าน้ำมันพืชจะเป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่ได้ให้ผลในการประกอบอาหารที่แตกต่างกัน โดยดึงจุดเด่นคุณลักษณะของน้ำมันพืชที่เหมาะสมกับการปรุงอาหารแต่ละชนิดออกมาเป็นจุดขาย
พร้อมกับให้ความรู้เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ในด้านฟังก์ชันนัลที่ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาผู้บริโภคยังไม่มีความรู้ที่ชัดเจนเช่น น้ำมันพืชปาล์มสำหรับทำอาหารทอด ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองเหมาะสำหรับอาหารผัด โดยใช้งบการตลาด 60-70 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์แบบบีโลว์เดอะไลน์ เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณสมบัติของน้ำมันพืชที่มีประโยชน์แตกต่างกัน
เพราะปัจจุบันผู้บริโภคยังเชื่อว่า น้ำมันพืชขวดเดียวสามารถปรุงอาหารได้ทุกอย่าง โดยจะเดินสายโรดโชว์แนะนำผลิตภัณฑ์และเมนูอาหารในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ 3 แห่ง โดยในกรุงเทพฯ จะจัด 3 ครั้ง และจะเดินสายจัดกิจกรรมที่เชียงใหม่และชลบุรีต่อไป
ม.ร.ว.สุภาณี ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำมันพืชทิพ จำกัด กล่าวว่า ตั้งเป้าการทำตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพที่ยอดขาย 280 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของเป้ายอดขายน้ำมันรวม 700 ล้านบาทในปีนี้
นอกจากนั้น ยังเป็นการมองหาช่องว่างในตลาด เพราะหากโฟกัสเแนวทางการทำตลาดน้ำมันพืชในตลาดรวมมูลค่า 9 พันล้านบาท ที่แบ่งสัดส่วนตลาดเป็นน้ำมันปาล์มประมาณ 65% และกลุ่มน้ำมันพืชเพื่อสุขภาพน้ำมันถั่วเหลือง 25% น้ำมันรำข้าว 6% และน้ำมันแบรนด์นำเข้าและน้ำมันอื่นๆ 4% แต่ละค่ายจะมีการชูฟังก์ชันนัลสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยวิตามินเอ หรือว่าวิตามินอี รวมทั้งโอเมก้า ทรี ที่ช่วยบำรุงสมองขึ้นมาเป็นจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า
ที่สำคัญ ผู้เล่นในตลาดน้ำมันพืชแต่ละค่าย ยังเข้าไปจับจองพื้นที่ครอบครองความเป็นผู้นำตลาดในแต่ละเซกเมนต์แล้ว โดยแบรนด์ “องุ่น” เป็นผู้นำตลาดน้ำมันถั่วเหลือง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 50% ตามลำดับด้วยกุ๊ก 15% และ ทิพ 7% ส่วนน้ำมันปาล์มนั้น มีแบรนด์ “มรกต” ครองอันดับหนึ่ง มีส่วนแบ่งการตลาด 60% และตลาดน้ำมันรำข้าวมี “คิง” เป็นผู้นำมีส่วนแบ่งการตลาด 70%
การเบนเข็มทิศลงไปเล่นในตลาดพรีเมียมครั้งนี้ นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการตลาดครั้งใหญ่ก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปี 2547 “ทิพ”เคยวางเป้าหมายที่จะเบียดน้ำมันพืชแบรนด์ “องุ่น” ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดน้ำมันมันพืชถั่วเหลือง โดยได้มีการวางกลยุทธ์เชิงรุกในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง
เริ่มตั้งแต่ก็ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยการรีแบรนดิ้ง (Rebranding) เปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัยและดูเป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้นโดยมี โสภิตนภา ชุ่มภานี เป็นพรีเซ็นเตอร์ รวมทั้งมีการปรับแพ็กเก็จจิ้ง ฉลากติดขวด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายลดลงมาที่อายุ 25 ปีขึ้นไป จากกลุ่มเดิมที่เป็นลูกค้าอายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งมีอัตราส่วนเพียง 14% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ด้านช่องทางขายมีการแต่งตั้งให้สหพัฒน์ฯ เป็นผู้กระจายสินค้า เพื่อพัฒนาการจำหน่ายให้สินค้าครอบคลุมพื้นที่ร้านค้าย่อยที่อยู่ในเขตปริมณฑลได้มากขึ้น หลังจากนั้นในครึ่งปีหลังปีที่ผ่านมา ยังได้ออกแคมเปญ "หยิบทิพ หยิบล้าน" ซึ่งเป็นรายการชิงโชคทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท และรางวัลอื่นๆ รวมถึง จัดโครงการเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ตราสินค้าทิพ แจกรถเข็นขายไข่เจียวพร้อมกับอุปกรณ์ และขายน้ำมันพืชทิพในราคาถูกแก่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ที่สนใจจำนวนทั้งสิ้น 100 คัน โดยค่ายน้ำมันพืชทิพ หวังผลจากทำตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่องจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100%
การรบแบบเต็มรูปแบบรุกทั้ง 4 P’ ปรับทั้ง Product Price place Promotion ก็ยังไม่สามารถเข้าไปต่อกรกับภาวะการแข่งขันด้านราคารุนแรง ที่ราคาขาย 34-35 บาทต่อลิตร แต่ทว่าช่วยกระตุ้นยอดขายน้ำมันทิพให้เพิ่มขึ้นได้เพียงในระยะสั้นเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นเป็นที่มาของการเบนเขมสู่ตลาดน้ำมันพืช ในเซกเมนต์เพื่อสุขภาพล่าสุด
|
|
|
|
|