Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 กรกฎาคม 2549
KMCคุยฟุ้งปี49พลิกขาดทุนเป็นกำไรหลังคุมต้นทุนอยู่-ธุรกิจขยายตัวดีขึ้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)

   
search resources

กฤษดามหานคร, บมจ.
Real Estate
วิรัตน์ เอี้ยวอักษร




" KMC" ยันยอดขายปี 49 ที่ 1,800-2,000 ล้านบาท หลังมีโครงการในมือทยอยเปิดต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ทั้งปีพลิกเป็นกำไร หลังธุรกิจขยายตัวดี และบริษัทคุมทุนได้ลงตัว พร้อมเล็งปรับราคาบ้านในครึ่งปีหลังเพิ่ม 10% ตามต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างและน้ำมันพุ่ง เผยส.ค.นี้เตรียมประชุมบอร์ดพิจารณาแผนล้างขาดทุนสะสม 3,000 ล้านบาท

นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่าในปี49 น่าจะได้เห็นผลประกอบการบริษัทฯกลับมามีกำไรสุทธิอีกครั้ง หลังจากปี48 ผลประกอบการของบริษัทฯขาดทุนสุทธิถึง 2,411.51 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจยังขยายตัวดี ขณะที่บริษัทฯมีการควบคุมและบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยบริษัทฯยังคงเป้ายอดขายปีไว้ที่ 1,800 -2,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้ บริษัท มีโครงการในมือที่เตรียมเปิดขายและทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ KMC มีแผนจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 - 3 โครงการใหม่ มูลค่าประมาณ 3,000- 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อก็ตาม อย่างไรก็ตามผลประกอบการไตรมาส2 ของปี49นี้ มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย สถานการณ์การเมือง รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังมั่นใจว่าไตรมาส 2ของปีนี้จะสามารถทำกำไรสุทธิได้ต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิถึง 66.81 ล้านบาท

สำหรับโครงการใหม่2 - 3 โครงการที่จะมีการเปิดเพิ่มในครึ่งปีหลัง ประกอบด้วยโครงการวงแหวน - อ่อนนุช เป็นบ้านเดี่ยวที่มีมูลค่าโครงการรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น3เฟส โดยเฟสแรกจะเปิดตัวในเดือนส.ค.นี้ โดยจะเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 80 ยูนิต และเฟส 2 เตรียมเปิดช่วงปลายปีนี้ ส่วนเฟสที่3จะเปิดตัวในปี50 นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษกในโครงการเดอะคริสมูลค่ากว่า 1,000ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 8 อาคาร โดยเตรียมเปิดขายตุลาคม - พฤศจิกายนนี้

"บริษัทยังไม่มีแผนจะเลื่อนเปิดโครงการใหม่ โดยในส่วนโครงการวงแหวน-อ่อนนุชมีทั้งหมด 3 เฟส ซึ่งเปิดขายเฟส 1 และ2 ปีนี้เป็นบ้านเดี่ยว ส่วนเฟส 3 คงเปิดปีหน้า ซึ่งอาจมีการทบทวนอีกทีว่าเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือคอนโดฯส่วนคอนโดฯที่รัชดาฯมีทั้งหมด 8 อาคารก็ทยอยเปิดเรื่อยๆ"นายวิรัตน์ กล่าว

นายวิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทฯเตรียมประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาแผนการล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ยังไม่มีแนวทางล้างขาดทุนสะสมชัดเจน เนื่องจากต้องรอผลการเข้าประชุมเดือนหน้าก่อน อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของปีนี้อาจลดลงเหลือเพียง 25% ขณะที่ปีก่อนหน้ามีอัตราการเติบโตกำไรระดับ 30% ซึ่งกำไรเบื้องต้นที่ลดลงดังกล่าวเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ต้นทุนขยับสูงขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับ 3 :1 เท่า ซึ่งบริษัทฯจะพยายามรักษาสัดส่วน D/E ดังกล่าวไม่ให้สูงจนเกินไป เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและลงทุนธุรกิจ

นายวิรัตน์ กล่าวว่า ราคาวัสดุก่อสร้าง และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทฯขยับเพิ่มในสัดส่วนประมาณ 10% โดยบริษัทฯมีแผนปรับราคาขายโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ คริส และโครงการที่จะเปิดตัวใหม่ ในครึ่งปีหลังเพิ่มอีก 10% เพื่อให้สอดคล้องต้นทุนใหม่ ส่วนบ้านเดี่ยวในโครงการวงแหวน - อ่อนนุชจะยังคงราคาเดิมไว้ เนื่องจากเป็นสต็อกต้นทุนเก่า

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรชาวต่างประเทศ 2 - 3 ราย เพื่อมาร่วมธุรกิจด้านที่อยู่อาศัย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าเป็นพันธมิตรรายใด โดยเบื้องต้นพันธมิตรอาจเข้ามาร่วมในธุรกิจโรงแรมโครงการกฤษฎาดอย ฉะนั้นพันธมิตรดังกล่าวจะมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างดี โดยขณะนี้ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน แต่คาดว่าในเดือนส.ค. - ต.ค.นี้ นาจะมีความชัดเจนมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us