“โออิชิ” กัดฟันสู้กำไรชาเขียวปี 49 หด อัดฉีด 600 ล้านบาท เดินเกมครึ่งปีหลังรักษายอดขายเข้าเป้า 4,000 ล้านบาท พร้อมรั้งบัลลังก์ผู้นำตลาด ระเบิดศึก 6 เดือนหลังอัดงบสื่อโฆษณา 30-40 ล้านบาท ปั้นรสชาติใหม่กระทุ้งยอดขาย 2,500 ล้านบาท หลังไตรมาสแรกพลาดเป้า ล่าสุดเตรียมรุกตลาดอเมริกา ขอมีเอี่ยวต่อยอดเบียร์ช้างเปิดตลาด ด้วยการส่งโออิชิเข้าทำตลาด นำร่อง สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย แย้มซุ่มปั้นเครื่องดื่มตัวใหม่
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ เปิดเผยว่า จากสภาพตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมูลค่า 5,000 -6,000 ล้านบาท เกิดภาวะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกตลาดหดตัวลง 30% สืบเนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและกระแสข่าวลบชาเขียวในช่วงปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงคาดว่าทั้งปีตลาดชาเขียวจะมีอัตราการเติบโต 10-20% ทำให้นโยบายการทำตลาดของชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิครึ่งปีหลังนี้ เน้นรักษายอดขายและตำแหน่งผู้นำตลาดเป็นหลัก ในขณะที่กำไรคาดว่าปีนี้อาจจะลดลงไปบ้าง เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
อีกทั้งปีนี้บริษัทฯยังทุ่มงบในการทำตลาดมากขึ้นจากเดิม 10-12% เพิ่มเป็น 15-20% ของรายได้รวมปีที่ผ่านมา 3,084 ล้านบาท หรือคิดเป็นงบการตลาดที่ใช้ราว 600 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะควบคุมด้านการใช้งบการตลาดให้ได้ราว 15% ของรายได้รวม หรือคิดเป็น 450 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุน เพื่อลดต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น ด้วยการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ใช้ใกล้เคียงกับเบียร์ช้างในลอตเดียวกัน ทำให้การผลิตชาเขียวโออิชิลดลง 30-40 สตางค์ต่อขวด
ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทฯต้องรุกทำตลาดมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิมียอดขายลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้เพียง 500 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในครึ่งปีหลังบริษัทฯจะต้องทำตัวเลขยอดขายให้ได้ 2,500 ล้านบาท ถึงจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้คือ 3,500-4,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 20%
ส่วนสินค้าคู่แข่งในช่วงไตรมาสแรก ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยยอดขายลดลง 40-50% ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการหลายรายเริ่มออกจากตลาดแล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 5% ไม่ว่าจะเป็น ทิปโก้ บีทาเก้น ซากุระ และชิเซน พลัส จากค่ายโค้ก และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเหลือแบรนด์ที่เคลื่อนไหวทางการตลาด 3-5 แบรนด์เท่านั้น
สำหรับแผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะทุ่มงบในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ 30-40 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมเปิดตัวรสชาติใหม่ชาเขียวและเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ ขณะเดียวกันยังได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในเซกเมนต์เครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังหันมาให้ความสำคัญกับการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้เตรียมส่งออกชาเขียวโออิชิไปทำตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาในอีก 4-5 เดือนข้างหน้านี้ โดยให้บริษัทอีสแลนด์ เป็นตัวแทนกระจายสินค้าภายในประเทศ
นอกจากนี้ยังได้เตรียมขยายไปยังประเทศที่เบียร์ช้างทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และอังกฤษ จากปัจจุบันโออิชิส่งออกไปแล้ว 12 ประเทศ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 5 % ของรายได้ และคาดว่าหลังจากที่บริษัทฯส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 10%
นายตันกล่าวต่อว่า หลังจากบริษัทฯได้เปิดตัวแคมเปญ “รวยฟ้าผ่า กับโออิชิ” ในช่วงหน้าร้อน ส่งผลให้ยอดขายมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 30% โดยมีผู้ที่ส่งฝามาชิงโชค 3 ล้านชิ้น และทำให้ส่วนแบ่งเพิ่มจาก 60% เมื่อปีที่ผ่านมาเป็น 66% ในรอบเดือนมีนาคม –เมษายน และล่าสุดได้จับมือร่วมกับพันธมิตรเซเว่น อีเลฟเว่น จัดแคมเปญ “กินไป เชียร์ไป” ชอป 40 บาท แลกซื้อเครื่องดื่มโออิชิ และอะมิโน โอเค ราคา 10 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 24 กรกฎาคม 2549 ส่งผลให้ยอดขายโต 300% หรือคิดเป็นยอดขายในเชิงปริมาณ 3 แสนขวดต่อวัน จากปกติจำหน่าย 1 แสนขวดต่อวัน และคาดว่าในช่วง 10 วันสุดท้ายยอดขายจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 500 % หรือ 5 แสนขวดต่อวัน โดยบริษัทฯตั้งเป้าว่าส่วนแบ่งตลาดรอบเดือนมิถุนายน - กรกฏาคม จะเพิ่มจาก 66% เป็น 70%
|