|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัทแม่ ซีลวาเนีย มองตลาดเอเชียมีศักยภาพ ไม่จำเป็นต้องขึ้นกับตลาดยุโรปอีกต่อไป วางเป้าใน 5 ปี เป็นเอ็นดิพริเด้นท์ ส่วนไทยเตรียมสยายปีกลุยตลาดต่างประเทศเต็มกำลัง หลังมีรายได้ส่งออก 10% เตรียมเดินหน้าเทเม็ดเงินกว่า 40 ล้านบาท ผุดโรงงานประกอบโคมไฟในประเทศ หวังกระตุ้นการส่งออกพุ่งเป็น 20% คาดสิ้นปีมีมาร์จิ้นหดลง สวนการเติบโตพุ่งขึ้น 15% มูลค่าไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เชื่อตลาดหลอดไฟเตรียมขยับราคาแน่ครึ่งปีหลังนี้ หลังโดนพิษต้นทุนกระโดสูงขึ้นกว่า 10%
นายปูมเทพ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีวาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯแม่ กำลังมีแผนที่จะให้ตลาดในอาเซียนบริหารธุรกิจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรายงานผลกับทางตลาดในกลุ่มยุโรปอีกต่อไป ล่าสุดบริษัทแม่กำลังมีแผนขยายตลาดยังประเทศอินเดีย เพิ่มอีกหนึ่งประเทศ หลังจากที่มีโรงงานการผลิตอยู่ที่ประเทศจีนแล้ว โดยตั้งเป้าว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ ตลาดในกลุ่มอาเซียนจะต้องเป็นเอ็นดพริเด้นท์ หรือ สามารถ บริหารตัวเองลักษณะ สแตนอะโลนเองได้อย่างแน่นอน
ส่วนซีลวาเนีย ประเทศไทย นั้น ขณะนี้ได้รับมอบหมายให้สามารถทำตลาดยังประเทศเพื่อนบ้านได้แล้วตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เช่น ลาว พม่า และเวียดนาม ในขณะที่เวียดนามนั้นบริษัทฯได้เริ่มเข้าไปทดลองตลาด โดยการเข้าไปเปิดออฟฟิศที่ฮานอยแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้การส่งออกในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนกว่า 10 %
ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปิดโรงงานการประกอบโคมไฟขึ้นด้วย เนื่องจากในขณะนี้บริษัทฯสามารถผลิตวัสดุส่วนประกอบต่างๆได้หลายตัวแล้ว และการเปิดโรงงานดังกล่าวนั้น จะสามารถลดต้นทุนได้ไม่ต่ำกว่า 25-30% และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20 %ใน 2-3 ปีนับจากนี้ เบื้องต้นใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท โดยอาจจะเป็นการเปิดในลักษณะของการสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่หรือการเข้าไปเทคโอเวอร์ก็เป็นได้ หรือแม้แต่อาจจะเข้าไปลงทุนร่วมจอยเวนเจอร์กับผุ้ประกอบการในเวียดนามในการเปิดโรงงานดังกล่าว
ในขณะที่สถานการณ์ตลาดหลอดไฟในประเทศไทยนั้นมองว่า กำลังได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในกลุ่มวัตถุดิบสำหรับทำหลอดไฟและบัลลาส เช่น เหล็ก พลาสติก ทองแดง และซิลิคอน โดยเฉพาะซิคอนและทองแดงนั้น ราคาเพิ่มขึ้นถึง 20% นอกจากนี้ทางโรงงานที่ผลิตให้นั้น ก็ได้ขอปรับราคาขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่สำหรับผู้ประกอบการเองนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดขึ้นราคาแต่อย่างไร
เนื่องจากหลอดไฟเป็นสินค้าไกลตัว การปรับขึ้นราคาอาจส่งผลเสียได้ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าการตรึงราคาไว้นั้น คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะต้องมีการขยับราคาแน่ แต่จะปรับขึ้นกันเท่าไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงคู่แข่งในตลาดว่าจะเป็นไปในทศทางใด ซึ่งสำหรับบริษัทฯเองนั้น มีแผนที่จะปรับราคาขึ้นเพียง 5% เท่านั้น ในช่วงไตรมาสสามนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% โดยมาจากแผนการทำตลาดทำแคมเปญและผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา เช่น แคมเปญ ชุด “มั่งมีศรีสุข” ช่วงตรุษจีน ส่วนในครึ่งปีหลังนั้น บรัทนจะเน้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับจับตลาดนีชมากขึ้น เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ขั้วทอง รวมไปถึงการจัดแคมเปญ “ทำบุญ 9 วัด ทำทาน 9 โรงเรียน” ช่วงเข้าพรรษานี้ และการส่งเสริมการตลาดเชิงบูรณาการเต็มรูปแบบ โดยบริษัทฯเตรียมงบการตลาดทั้งปีไว้กว่า 60 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมาใช้เพียง 50 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตกว่า 15% มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท มาจากตลาดคอนซูเมอร์ 35% ตลาดโครงการ 30% และขายผ่านเซลล์อีก 35% ในขณะที่มาร์จิ้นจะลดลง เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคาที่จะลดลงทุกปี ถึงแม้ว่าตลาดจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ทุกๆปี แต่มูลค่ายังคงเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยซีวาเนียมีแชร์ในตลาดรวมเพียง 14-15% และมีแชรืในตลาดโคมไฟ 20% เท่านั้น
|
|
|
|
|