|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เนสท์เล่ รุกปั้นนมผงคาร์เนเชั่นครั้งใหญ่รอบ 7 ปีรับพิษเศรษฐกิจหด ชูคาร์เนชั่นราคาถูกกว่านมตราหมี 20% ล่อใจคุณแม่มือใหม่คำนึงถึงปัจจัยราคามากขึ้น ทุ่ม 80 ล้านบาท เปิดตัวสูตรใหม่ "ผสมใยอาหารจากผักและผลไม้" พร้อมฉวยขึ้นราคา 3-5% หลังแบกรับภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ไหว สิ้นปีแชร์เนสท์เล่กลุ่มนมผงสำหรับเด็กขยับขึ้น 2-3% จากเดิมมี 65% รั้งบัลลังก์ผู้นำตลาด
นางสาวพัทนัย เหลืองตระกูล ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็ก บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมผงตราคาร์เนชั่น-หมี เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อกลุ่มผลิตภัณฑ์นมของคุณแม่ที่มีลูกเป็นคนแรก หรือเริ่มเข้าสู่แคธิกอรี่นมมีการคำนึงปัจจัยด้านราคามากขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับภาวะปกติคุณแม่จะคำนึงถึงปัจจัยด้านตราสินค้าเป็นอันดับแรก ดังนั้นบริษัทฯจึงได้วางแผนนำกลุ่มนมผงคาร์เนชั่นรุกทำตลาดครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปี เนื่องจากมีราคาถูกกว่านมตราหมีผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทถึง 20%
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวนมผงคาร์เนชั่นสูตรใหม่ "ผสมใยอาหารจากผักและผลไม้" ลงสู่ตลาดแทนที่สูตรเดิม โดยแบ่งเป็น 2 สูตร คือ สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป และสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ส่วนตลาด 6 ปีขึ้นไปนั้นคาร์เนชั่นยังไม่ได้เข้าไปทำตลาด เนื่องจากตลาดเล็กมีเพียง 1% เท่านั้น อีกทั้งพฤติกรรมเด็กโตหันไปดื่มเครื่องดื่มประเภทอื่นๆมากกว่า ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนถึง 75% และตลาดเด็กอายุ 3 ปี ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด เป็นตัวเลขสองหลักมีสัดส่วนราว 24%
โดยบริษัทฯได้ทุ่มงบ 80 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง รุกทำตลาดนมผงคาร์เนชั่น ผ่านการทำอะโบฟเดอะไลน์ 60% และบีโลว์เดอะไลน์ 40% โดยในช่วงเดือนสิงหาคมนี้บริษัทจะเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมทำไทอินผ่านรายการโทรทัศน์ และจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับการแข่งขันในตลาดนมผงสำหรับเด็กที่มีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีตราสินค้าที่เคลื่อนไหวในตลาดราว 10 แบรนด์ อีกทั้งยังมีตราสินค้าใหม่ที่เข้ามาทำตลาด
"ผลพวงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยด้านราคาน้ำมัน ส่งผลให้หลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวนมผงคาร์เนชั่นสำหรับเด็กสูตรใหม่ จึงมีการปรับราคาขึ้น 3-5% ซึ่งก่อนหน้าที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้น บริษัทได้ทำการสำรวจพบว่าเป็นราคาที่คุณแม่ยอมรับได้ สำหรับการปรับราคาขึ้นของนมผงคาร์เนชั่นในครั้งนี้ได้รับการอนุญาติจากกรมการค้าภายในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในกลุ่มนมผงตราหมีนั้นขณะนี้ยังไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าขึ้น"
แนวโน้มตลาดนมผงสำหรับเด็กโดยรวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเซกเมนต์พรีเมียม 31% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 2,480 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 20% ส่วนเซกเมนต์สแตนดาร์ดสัดส่วน 75% หรือคิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 5-7% ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทเปิดตัวนมผงคาร์เนชั่นสูตรใหม่จะผลักดันให้ส่วนแบ่งโดยรวมของเนสท์เล่ในตลาดนมผงสำหรับเด็กในเซกเมนต์สแตนดาร์ดมีส่วนแบ่ง 2-3% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 65% แบ่งเป็นนมผงตราหมี 66% และคาร์เนชั่น 34%
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของนมผงตราหมีและคาร์เนชั่น มีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนผลประกอบการทั้งปี คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างน้อย 3-5% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจด้วย
|
|
|
|
|