|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บล.กรุงศรีอยุธยา คาดรายได้ปีนี้ไม่หด แม้ภาวะตลาดไม่เอื้อ ฟุ้งรายได้วาณิชธนกิจดันเชื่อทั้งปีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท พร้อมจับมือแบงก์แม่หาลูกค้าเงินฝากสูงเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไป ผู้บริหาร แจงปรับเป้ากำไรบจ.ปีนี้เหลือ 2.6% จากเดิม 5% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นติดลบ 9%
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กรุงศรีอยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ภาวะตลาดหุ้นไม่ดีส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์ ทำให้มีรายได้ลดลง แต่บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจาก บริษัทมีรายได้ด้านวาณิชธนกิจมากขึ้นจากที่บริษัทเน้นการเป็นที่ปรึกษาทางด้านการควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งมีอยู่ประมาณ10 ดีล ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 4 ดีล อยู่ในธุรกิจ การเงิน อสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจโรงแรม ซึ่งคาดว่าจะเห็นการควบรวมในไตรมาส 3-4 ปีนี้
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้วาณิชธกิจปีนี้มากว่า 100 ล้านบาท จากปี48 ที่มีรายได้ 70 ล้านบาท เนื่องจากการควบรวมบริษัทขนาดใหญ่จะสรุปในครึ่งปีหลัง โดยงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้วจำนวน 40 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้รวมของบริษัทจะมาจากด้านวาณิชฯประมาณ 30% การลงทุน 20% ส่วนรายได้จากนายหน้าค้าหลักทรัพย์ปีนี้จะต่ำกว่า 50% จากปีที่ผ่านมารายได้การควบรวมกิจการอยู่ที่ 20% การลงทุน 20% และรายได้นายหน้าค้าหลักทรัพย์อยู่ที่ 60%
สำหรับปัจจุบันบริษัทได้มีการประสานกันธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)หรือ BAY ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในการคัดเลือกลูกค้าเงินฝากจากธนาคารที่มีเงินออมสูงมาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นในวงเงินประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป โดยบริษัทจะมีเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง)ให้คำปรึกษา ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆในครึ่งปีหลัง จากขณะนี้เริ่มมีลูกค้าจากธนาคารบ้างแล้ว ส่วนลูกค้าที่มีวงเงินเปิดบัญชีประมาณ 3 แสนบาท โดยจะแนะนำให้ซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทมีลูกค้ามาเปิดบัญชีใหม่จำนวน 1,000 บัญชี ซึ่งคาดว่าจะสิ้นปีจะมีลูกค้าเข้ามาเปิดบัญชีใหม่เพิ่มเป็น 1,500 บัญชี ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเปิดบัญชีรวม 20,000 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอประมาณ 6,000 บัญชี โดยบริษัทคาดว่าส่วนแบ่งการตลาดปีนี้จะอยู่ที่ 3%
ทั้งนี้เมื่อปลายเดือนมิ.ย.บริษัทปรับลดประมาณการณ์กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนปีนี้เหลือ 2.6% จากเดิม 5% เนื่องจากคาดกว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรที่ลดลงจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงทำให้ต้นทุนการดำเนินงานที่สูง และอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น และความไม่ชัดเจนในเรื่องปัจจัยทางการเมือง โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) จะติดลบ 9%
สำหรับภาวะตลาดหุ้นในครึ่งปีหลังคาดว่าน่าจะยังไม่ดี เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายปีนี้เฉลี่ยที่ 18,000 ล้านบาทต่อวันซึ่งเป็นไปตามความคิดเห็นของสมาคมนักวิเคราะห์ และคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยู่ที่ 614-682 จุด ซึ่งเป็นการปรับประมาณการณ์ครั้งที่ 3 จากก่อนหน้าที่เม.ย.ที่คาดว่า 675 จุด
|
|
|
|
|