|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้นบริษัท เอเวอร์แลนด์สุดร้อน 9 วันราคาพุ่ง 117.47% ขณะที่วอลุ่มเพิ่มขึ้นสวนทางกับภาวะตลาดหุ้นโดยรวม เหตุนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาไล่ราคา ปล่อยข่าวเตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในเดือนก.ค.นี้ โบรกเกอร์หลายแห่งป้องกันความเสี่ยงควบคุมการให้มาร์จิ้น จับตาตลท.อาจจะนำมาตรการห้ามซื้อขายในลักษณะเน็ตเซทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้น ถ้าราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ EVER ภายหลังที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วง 9 วันทำการที่ผ่านมา โดยประเด็นสำคัญที่ส่งผลทำให้มีการเข้ามาเก็งกำไรเนื่องจากใกล้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าน่าจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ในเดือนนี้ นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่ามีนักลงทุนรายใหญ่บางกลุ่มพยายามเข้ามาไล่ราคาหุ้น
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น EVER วานนี้ (3 ก.ค.) ราคาปิดที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.85 บาท หรือ 29.60% มูลค่าการซื้อขาย 345.04 ล้านบาท โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้นชนซิลลิ่ง ขณะที่ราคา 9 วันทำการย้อนหลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.38 บาท หรือ 117.74% โดยหากพิจารณามูลค่าการซื้อขายพบว่าทุกวันจะมีมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างสูง
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต กล่าวว่า ราคาหุ้น EVER ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น เกิดจากการที่นักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันมากเรื่องเตรียมที่จะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในเดือนนี้
ทั้งนี้ราคาที่ปรับขึ้นเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นจังหวะที่ขายทำกำไร เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคให้แนวต้านไว้ที่ 7.60-7.70 บาท และราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงมาได้ที่แนวรับ 5.50-6.0 บาท
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า หุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ EVER ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับราคา 4 บาทเศษ จนปัจจุบันนี้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวแล้ว ซึ่งสวนทางกับภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง แสดงให้เห็นว่าเกิดจากนักลงทุนรายใหญ่ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นนักลงทุนจากหาดใหญ่ เข้าไปไล่ราคาหุ้น โดยได้ปล่อยข่าวเกี่ยวกับการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จึงทำให้นักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปเก็งกำไรตาม
นอกจากนี้การเก็งกำไรของนักลงทุนจะเป็นลักษณะของการซื้อขายแบบเก็งกำไรกันหลายรอบ จนเป็นเหตุให้มูลค่าการซื้อขายมีความหนาแน่น นักลงทุนไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะมีโอกาสที่จะได้รับความเสียหายได้เช่นกัน ขณะเดียวกันโบรกเกอร์หลายแห่งก็เริ่มที่จะควบคุมดูแลการปล่อยมาร์จิ้นในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์แล้ว เพราะมองว่าราคาขึ้นมามากกว่าปัจจัยพื้นฐาน จึงถือว่ามีความเสี่ยง โบรกเกอร์จึงต้องป้องกันตัวเองรวมถึงป้องกันไม่ให้ลูกค้าเก็งกำไรมากเกินไปด้วย และเชื่อว่าถ้าราคาหุ้นยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นต่อไป ก็มีโอกาสที่ตลาดหลักทรัพย์จะสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading)ได้เช่นกัน
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้บริษัทไม่ได้ให้มาร์จิ้น ในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์เนื่องจากเป็นหุ้นกึ่งเก็งกำไร และมีความเสี่ยงที่สูงในการเข้าไปลงทุน
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ควบคุมความเสี่ยงในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์ โดยกำหนด75% จะต้องซื้อขายด้วยเงินสด ส่วนอีก 25% นั้นจะซื้อขายด้วยมาร์จิ้น ซึ่งแต่ละบริษัทหลักทรัพย์จะมีการกำหนดเรื่องมาร์จิ้นที่แตกต่างกัน
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์บริษัทจะให้ซื้อขายด้วยเงินสด 60%และซื้อขายด้วยมาร์จิ้นในสัดส่วน 40%
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทควบคุมการให้มาร์จิ้นในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์โดยกำหนดให้ซื้อขายด้วยเงินสด 70% และอีก 30% ให้ซื้อขายด้วยมาร์จิ้นเท่านั้น เพราะถือว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามาก จึงถือว่ามีความเสี่ยง
|
|
|
|
|