นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL กล่าวว่า ที่ประชุมผู้บริหารในฐานะผู้บริหารแผนทีพีไอโพลีน ครั้งที่ 6/2549 อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญที่เหลือจากการเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 1,674 ล้านหุ้น โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก จัดสรรให้หุ้นสามสามัญ จำนวน 807.50 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเพิ่มต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาหุ้นละ 10 บาท
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 และกำหนดจองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 7 - 11 สิงหาคม 2549
ส่วนที่ 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 857,768,212 หุ้น เสนอขายให้แก่บุคคลโดยเฉพาะเจาะจงจำนวน 7 ราย ในราคาหุ้นละ 10.15 บาท กำหนดระยะเวลาจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2549 โดยผู้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนนี้จะมีระยะเวลาการห้ามขายหุ้นที่จองซื้อดังกล่าวเป็นเวลา 2 ปี นับจากวันจองซื้อหุ้น
โดยบุคคลที่ได้รับการจัดสรรครั้งนี้ประกอบด้วย นางบุญศรี เลี่ยวไพรัตน์ จำนวน 171,153,644 หุ้น , นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ 171,153,642 หุ้น , นายประทีป เลี่ยวไพรัตน์ 171,153,642 หุ้น, นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ 171,153,642 หุ้น , นายประหยัด เลี่ยวไพรัตน์ 171,153,642 หุ้น ,นายกิตติ วงศ์จริงตรง 1,000,000 หุ้น และนางนารา วงศ์จริงตรง 1,000,000 หุ้น รวมการจัดสรรหุ้นสามัญทั้ง 2 ส่วนจำนวน 1,665,268,212 หุ้น คงเหลือหุ้นจำนวน 8,731,788 หุ้น
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้จากการเพิ่มทุนจำนวน 16,000 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระตามสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 23,111 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549) ซึ่งภายหลังการชำระหนี้บริษัทจะมีภาระหนี้เงินต้นคงเหลือประมาณ 7,111 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทจะมีโครงสร้างทุนและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นมาก คือมีอัตราส่วนหนี้ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 2549 และ 2550 ประมาณ 0.10 เท่า และ 0.05 เท่า และมีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ยประมาณ 1.99 เท่า และ 9.42 เท่า รวมทั้งมีอัตราส่วนความสามารถในการชำระ หนี้ประมาณ 1.02 เท่า และ 1.37 เท่า ตามลำดับ
"อัตราส่วนทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น จะส่งผลให้อันดับเครดิตของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และทำให้บริษัทสามารถหาแหล่งเงินกู้ใหม่ที่มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า เพื่อชำระหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ส่วนที่เหลือได้ทั้งจำนวน อันจะมีผลให้บริษัทฯสามารถดำเนินการได้ก่อนหรือภายในกำหนดระยะเวลาของแผนฟื้นฟูกิจการได้"
นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถพิจารณาดำเนินการขยายโรงงานปูนซีเมนต์โรงที่ 4 ได้ อันจะเป็นผลให้บริษัทมีศักยภาพในการทำกำไรที่สูงขึ้นในอนาคต และจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯในปัจจุบันและในอนาคต
สำหรับหุ้นสามัญที่จัดสรรครั้งนี้ เป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้รับอนุมัติจากศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2544 ให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5,075 ล้านบาท เป็น 24,815 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2,481.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 10 บาท และได้เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเมื่อเดือนมกราคม 2547 จำนวน 300 ล้านหุ้น ทำให้ทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 8,075 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 807.50 ล้านหุ้น และคงเหลือหุ้นที่ยังไม่ได้จัดสรร 1,674 ล้านหุ้น
โดยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมนั้น เป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ขณะที่การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป หรือบุคคลโดยเฉพาะเจาะจงนั้น เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2549 ผู้ประสานงานกระทำการตามคำสั่งการของเจ้าหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ได้ให้ความเห็นชอบให้บริษัทฯขายหุ้นดังกล่าวได้ตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการ
ต่อมา เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับทราบและบันทึกเป็นสำคัญ เกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนตามคำแถลงฉบับลงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ว่าเป็นหุ้นที่จดทะเบียนเพิ่มทุนไว้ ที่เหลือจากการขายครั้งที่แล้ว เจ้าหนี้ให้ความยินยอมให้ลูกหนี้ระดมทุนอย่างน้อย 4,000 ล้านบาท ตามเงื่อนไขของแผน
ฟื้นฟูกิจการอย่างไรก็ตาม การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลเฉพาะเจาะจง อาจจะส่งผลให้ราคาหุ้นในในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Dilution Effect) ลดลงในอัตรา 13.14% รวมทั้งส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งกำไรลดลงประมาณ 34.69% ของส่วนแบ่งกำไร
ด้านความเคลื่อนไหวหุ้นทีพีไอโพลีน วานนี้ (3 ก.ค.) ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายในช่วงเช้า โดยมีราคาสูงสุดที่ 11.30 บาท ต่ำสุด 10.30 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 11 บาท ลดลงจากวันก่อน 1.70 บาท หรือ 13.39% มูลค่าการซื้อขายรวม 186.34 ล้านบาท
|