Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2538
ชินวัตร จัสมิน ทีเอ ยูคอม รบในไทยไม่พอต้องไปต่อที่อินเดีย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรีส์
โฮมเพจ จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล

   
search resources

ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรีส์, บมจ.
เทเลคอมเอเซีย, บมจ.
จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล, บมจ.
ชินวัตร
Telecommunications




อินเดีย ดินแดนแห่งอารยธรรมเก่าแก่ของโลก มีพลเมืองมากกว่า 900 ล้านคน กำลังกลายเป็นแม่เหล็กชิ้นใหญ่ ที่ดึงดูดทุนสื่อสารจากทั่วทุกมุมโลกให้หลั่งไหลเข้าในประเทศ หลังจากนโยบายเปิดเสรีให้เอกชนเข้าไปลงทุนในกิจการโทรคมนาคม

รัฐบาลอินเดียได้เริ่มทยอยเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการโทรมนาคมประเภทต่างๆ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มด้วยวิทยุติตามตัว ตามมาด้วยบริการวิทยุสื่อสารเฉพาะกลุ่ม (ทรังค์เรดิโอ) ซึ่งอยู่ระหว่างเปิดซองประมูล ล่าสุดคือการเปิดประมูลโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์มือถือ อันเป็น 2 โครงการขนาดใหญ่ที่มีกำหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 21 เมษายน 2538

ชินวัตร จัสมิน ทีเอ และยูคอม 4 ทุนสื่อสารของไทยที่กำลังตื่นตัวรับมือกับโลกไร้พรมแดน จึงไม่พลาดกับสมรภูมิอันดุเดือดแห่งนี้

ชินวัตรได้บุกเบิกลงทุนในอินเดียตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยร่วมลงทุนกับฮิมาชาลบริษัทท้องถิ่นผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารสัญญาณ เพื่อให้บริการวิทยุติดตามตัวใน 6 เมืองของอินเดียตั้งแต่ปีที่แล้ว

อารักษ์ ชลธาร์นนท์ กรรมการผู้อำนวยการบริษัทชินวัตร อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่าภารกิจในอันดับต่อไปของชินวัตร คือการยื่นข้อเสนอเพื่อเข้าประมูลโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล จีเอสเอ็ม และโทรศัพท์พื้นฐาน ซึ่งเปิดรับซองประมูลในวันที่ 21 เมษายน

เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศใหญ่ การประมูลคัดเลือกผู้รับสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ รัฐบาลอินเดียจึงแบ่งพื้นที่ออกเป็น 20 เขต (Circle) ซึ่งแต่ละเขตจะมีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้เข้าประมูลจะต้องพิจารณาว่าตนมีคุณสมบัติเหมาะสมจะเข้าประมูลในเขตพื้นที่ใดบ้าง

โดยรัฐบาลจะเลือกผู้รับสัมปทานเพียงแค่ 2 รายใน 1 เขตสำหรับโทรศัพท์มือถือ ส่วนโทรศัพท์พื้นฐานใน 1 เขต จะเลือกเพียง 1 รายเท่านั้น ซึ่งเมื่อรวมกับผู้ให้บริการเก่าที่ให้บริการอยู่แล้วจะมีทั้งหมด 2 รายเท่ากัน

จุดสำคัญในการคัดเลือกจะพิจารณาในเรื่องประสบการณ์ในโครงการที่เข้าประมูล ตลอดจนมูลค่าของบริษัทและคุณสมบัติของผู้เข้าประมูลนี้ว่าจะเหมาะสมกับพื้นที่ใดบ้าง

"การประมูลจะเหมือนกับสอบเอนทรานซ์ซึ่งจะต้องเลือกเป็นอันดับ และเราต้องยื่นข้อเสนอตามจำนวนเขตที่เข้าประมูล ดังนั้นผู้เข้าประมูลต้องประเมินตัวเองมีความเหมาะสมในเขตใด" อารักษ์อธิบายถึงรายละเอียดของการประมูล

นอกจากนี้รัฐบาลได้กำหนดสัดส่วนการประมูลระหว่างนักลงทุนท้องถิ่น และต่างชาติไว้ว่า นักลงทุนจากต่างชาติจะต้องถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ส่วนนักลงทุนท้องถิ่นจะต้องถือหุ้นห้ามต่ำกว่า 51%

จากข้อกำหนดเหล่านี้เอง ที่ทำให้บรรดาทุนสื่อสารของไทยต่างออกมาชักชวนการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) เข้าร่วมวงด้วย เพราะต้องการอาศัยความเชื่อถือและประสบการณ์จาก 2 หน่วยงานนี้ในการเข้าประมูล

ในส่วนของชินวัตรนั้น ได้ใช้วิธีการตกลงกับพันธมิตร โดยชินวัตรจะเป็นแกนนำในส่วนของผู้ถือหุ้นต่างประเทศในโครงการโทรศัพท์มือถือ ส่วนโครงการโทรศัพท์พื้นฐาน ชินวัตรจะเป็นผู้ถือหุ้นอันดับรองลงมาและจะเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นต่างชาติรายอื่น ที่มีประสบการณ์เป็นแกนนำในการประมูล

อารักษ์กล่าวว่าการประมูลในอินเดียครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วทุกมุมโลก เพราะพลเมืองอินเดียมีอยู่ถึงกว่า 800 ล้านคน แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่จะเป็นคนจน แต่จากการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้อำนาจการซื้อของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นซึ่งหากประเมินว่าจะมีผู้มีอำนาจการซื้อเพียงแค่ 10% ของพลเมืองทั้งหมด ก็นับเป็นจำนวนของลูกค้าที่เยอะมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

ที่สำคัญอินเดียมีบุคลากรที่มีความรู้มาก ทั้งด้านซอฟต์แวร์ หรือโทรคมนาคม ในขณะที่ค่าจ้างแรงงานยังถูกมาก ทำให้การลงทุนในเรื่องของบุคลากรไม่มีปัญหาเหมือนกับประเทศอื่นๆ จึงเป็นเหตุให้มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนมากเป็นพิเศษ ซึ่งชินวัตรเองหวังว่าจะได้รับเลือกให้ลงทุนอย่างต่ำสัก 2 เขต

จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ยักษ์สื่อสารของไทยอีกรายที่มีความเคลื่อนไหวในการขยายธุรกิจในต่างแดนอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จัสมินจะบุกอินเดียอย่างเต็มขั้น

ในการประมูลครั้งนี้ จัสมินได้จับมือกับบริษัทเทเรีย ประเทศสวีเดน และยังได้ชักชวนองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ร่วมลงขันเข้าหุ้นในสัดส่วน 3 ฝ่ายรวมกัน 49% ร่วมกับบริษัทท้องถิ่นของอินเดีย คือบริษัทพันไวด์ และบริษัทยูไนเต็ด คอมมิวนิเคชั่น ลิมิเต็ด (ยูทีแอล) ที่จะถือหุ้นในสัดส่วน 51%

จะเห็นได้ว่าจัสมินให้ความสำคัญกับการหาพันธมิตรที่ประสบการณ์ค่อนข้างมาก นอกจากจัสมินซึ่งมีประสบการณ์ในโทรศัพท์พื้นฐาน บริษัทเทเรียก็มีประสบการณ์ในการติดตั้งโทรศัพท์มาแล้ว 6 ล้านเลขหมาย และยังรวมไปถึงทศท.ที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งโทรศัพท์มาอย่างโชกโชน

ดร.อดิศัย โพธารามิก ได้เปิดแถลงว่าจะเลือกเข้าประมูลประมาณ 4-5 เขต ทั้งโครงการโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ โดยจะเน้นในเขตพื้นที่บริการระดับเอ ซึ่งเป็นเขตที่มีความต้องการใช้งานสูง

เช่นเดียวกับบริษัทเทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น (ทีเอ) ยักษ์ใหญ่เจ้าของสัมปทานโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในอินเดียค่อนข้างมาก โดยทีเอได้ยื่นข้อเสนอให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ร่วมลงขันยื่นประมูลโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ

ทั้งนี้ทีเอจะถือหุ้นร่วมกับบริษัทโทรคมนาคมจากสหรัฐอเมริกา และกสท. ทั้ง 3 ฝ่ายรวมกัน 49% และที่เหลืออีก 51% จะถือหุ้นโดยบริษัทท้องถิ่นในอินเดีย

นับเป็นเอกชนอีกรายที่ได้ยื่นข้อเสนอให้กับหน่วยงานสื่อสารของรัฐ ร่วมลงทุนในการประมูลบริการทั้ง 2 ชนิดในอินเดีย

บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการบริหารกลุ่มยูคอม ได้ประกาศถึงเจตนารมณ์ในการขยายธุรกิจสื่อสารในต่างแดนไว้อย่างชัดเจน และหนึ่งในประเทศเหล่านั้นคืออินเดีย

กลุ่มยูคอมเข้าไปลงทุนในอินเดียตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยการจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่น ให้บริการวิทยุติดตามตัว ใน 22 เมือง ซึ่งจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ และได้ยื่นขอให้บริการทรังค์เรดิโอใน 10 เมือง โดยอยู่ระหว่างการรอผลการตัดสินและในการประมูล 2 โครงการ ยูคอมจึงไม่พลาดที่จะเข้าไปร่วมประมูลโทรศัพท์มือถือ

ด้วยเหตุที่ยูคอมมีความเชี่ยวชาญทางด้านระบบสื่อสารไร้สาย ทำให้ยูคอมเป็นบริษัทเดียวในไทยที่ไม่เข้าประมูลโทรศัพท์พื้นฐาน แต่จะเลือกเฉพาะระบบไร้สายเพียงอย่างเดียว

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคงจะรู้ผลแล้วว่าทุนสื่อสารของไทยรายใดจะมีโอกาสเข้าไปสร้างชื่อในอินเดีย แต่ที่แน่ๆ การเปิดเสรีโทรคมนาคมของอินเดียครั้งนี้ จะทำให้เม็ดเงินการลงทุนจากไทยหลั่งไหลไปในอินเดียนับหมื่นล้านบาท ก่อนที่เม็ดเงินเหล่านี้จะขยับขยายไปยังเวียดนาม และจีน ซึ่งถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในเวลานี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us