|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยบริการเผยหุ้นไอพีโอที่จะขายในไตรมาส 2 ต้องยืด เหตุภาวการณ์เมืองไม่เอื้อ ตลาดหุ้นซึม หวั่นเกิดผลกระทบต่อราคาหุ้น ยันขายหุ้นและเข้าเทรดปีนี้แน่ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี พร้อมหางานในมือเพิ่ม เพื่อดันยอดขายและรายได้ให้เติบโตตามเป้าปีนี้ 40% จากปี48
นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์วงศ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าจากก่อนหน้าที่บริษัท มีแผนที่จะนำหุ้นเพิ่มทุนออกให้ประชาชนจองซื้อในเดือนมิถุนายนนี้ อาจต้องลากยาวออกไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่เอื้อต่อการลงทุน ซึ่งจะกระทบต่อราคาหุ้น
โดยเฉพาะของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ผันผวนและปรับลดลงอย่างที่ไม่ค่อยได้เจอนัก บวกกับปัญหาการเมืองของไทยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยซึมต่อเนื่อง
“เรารอโอกาสและจังหวะที่จะเข้า หลังจากที่เราเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ภาวะไม่ค่อยเอื้อ จากที่เราตั้งใจจะเข้าเทรดไตรมาส 2 นี้ คงต้องเลื่อนออกไปรอดูเหตุการณ์บ้านเมืองของเรา” นายอัศวินกล่าว
สำหรับการดำเนินงานในระยะนี้ บริษัทต้องปรับแผนการดำเนินงานใหม่ จากที่คาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุนเข้ามา เพื่อใช้ในการดำเนินงาน ก็อาจต้องปรับไปกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทก็ได้รับเครดิตดีจากธนาคารที่คอยช่วยเหลืออยู่แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการทบทวนการบริหารงานอีกครั้งรวมทั้งการคำนวณหาต้นทุนการดำเนินงาน เพราะอาจเพิ่มขึ้นจากภาระดอกเบี้ยและราคาวัตถุดิบต่าง ๆ ด้วย เพื่อหาวิธีป้องกันต้นทุนในยามที่ปัจจัยรอบด้านไม่ค่อยเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปีนี้เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี โดยคาดว่าอาจจะเป็นช่วงไตรมาสสุดท้าย เพราะขณะนี้เหตุการณ์รอบด้านยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติและหลายบริษัทต่างชะลอการขายหุ้นไอพีโอออกไป
สำหรับ ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จะระดมทุน 35 ล้านหุ้น พาร์ละ 1 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มจาก 100 ล้านบาท เป็น 135 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 35 ล้านหุ้น แบ่งขายให้ประชาชนทั่วไป 33 ล้านหุ้นและอีก 2 ล้านหุ้น จะขายให้กับกรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP) หลังจากเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้วจะไดรูท 26 %
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ขยายงานเป็นทุนหมุนเวียน เนื่องจากปัจจุบัน การขยายงานของภาคโรงงานอุตสาหกรรมและโรงพยาบาลตลอดจนห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ มีการขยายงานมากและเติบโตต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องหาเงินเพื่อรองรับการขยายงานของบริษัท ขณะที่ปัจจุบัน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ของบริษัทอยู่ที่ 1.9 เท่า
นายอัศวินกล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัท มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดด ซึ่งเมื่อปี 46 ถึงปี 48 รายได้ 213 ล้านบาท 628 ล้านบาทและเกือบ 1 พันล้านบาท อันเป็นผลจากช่วงที่ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว แต่เมื่อปี 47 มาปี 48 อัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 57% เท่านั้น เพราะบริษัทยกระดับเป็นมหาชนแล้ว การเติบโตต้องค่อยเป็นไปอย่างมั่นคง เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการผลิต
“ปีนี้เราคาดว่าการเติบโตของรายได้ประมาณ 40% จากปีที่แล้ว เราต้องค่อย ๆ ปรับระดับให้คงที่ และกรอสมาร์จิ้นของเราก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15.8% จากปีที่แล้วเรามี 14.9% ” นายอัศวินกล่าว
โดย ณ สิ้นปี 48 บริษัท มีงานในมือ( BACK LOG) 1,300 ล้านบาท ณ สิ้นปี 48 ซึ่งส่วนใหญ่งานของบริษัทจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่นานคือประมาณ 12 ขณะที่ปีนี้ บริษัทได้งานเพิ่มประมาณ 1 พันล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้งานในมือของบริษัทเพิ่มเป็น 1,400 ล้านบาท ขณะที่งานเก่าก็ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ส่วนใหญ่งานที่เราเข้าบิด จะได้มาประมาณ 30% ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และปีนี้เราก็ต้องบิดงานเพิ่มอีก เพราะเราต้องหางานในมือเพิ่มเข้ามาให้ต่อเนื่อง ซึ่งโดยเฉลี่ยเราจะเข้าบิดต่อเนื่องให้งานในมือของเราอยู่ในระดับที่เกิน 1 พันล้านบาท และยังเป็นงานที่เราชำนาญเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมูลค่า 200-300 ล้านบาท แต่เมื่อรวมเครื่องจักรด้วยถือว่าใหญ่มากสำหรับเรา ” นายอัศวินกล่าว
สำหรับสัดส่วนรายได้ของ ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม มาจากการรับจ้างก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม 60% ส่วนที่เหลือ 40% มาจากการการสร้างศูนย์การค้าและอาคารสูง ทั้งที่ก่อนหน้านี้บริษัทฯ เน้นการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่การที่บริษัทหันมาทางด้านอื่นมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินงานที่จะอิงรายได้จากส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นหลักใหญ่
|
|
|
|
|