บิ๊กล็อตหุ้นเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์มูลค่าเฉียด 200 ล้านบาท"วิชา พูลวรลักษณ์"ขายให้กับกองทุนต่างประเทศเข้ามาถือหุ้น แจงเหตุขายเพื่อไปใช้สิทธิลงทุนในวอร์แรนต์ ซึ่งกำหนดใช้สิทธิในวันนี้ ฝ่ายวิจัยบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ประเมินผลประกอบการปี49 โกยรายได้ 5,180 ล้านบาท กำไรสุทธิ 661 ล้านบาท เหตุขยายสาขาและรับรู้รายได้จาการลงทุน
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่าวานนี้(29มิ.ย.)หุ้นบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จำกัด(มหาชน)หรือ MAJOR ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่หรือบิ๊กล็อต จำนวน 1 รายการเป็นจำนวน 12.10 ล้านหุ้นในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 16.50 บาท มีมูลค่าการซื้อขาย 199.67 ล้านบาทซึ่งเป็นการตกลงซื้อขายกันนอกตลาด
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่มีการซื้อขายบิ๊กล็อต หุ้นของบริษัทจำนวน 12.10 ล้านหุ้น ตนได้มีการขายหุ้นออกมา เพื่อที่จะนำเงินที่ได้ไปซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอแรนต์) ของบริษัทที่จะหมดอายุในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
" ผมก็แค่ขายหุ้นออกมาเพื่อที่จะนำเงินไปซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะครบอายุการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในวันที่ 30 มิถุนายนเท่านั้นไม่มีอะไรมาก แต่ผมไม่ทราบว่าใครที่จะเข้ามาซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าว ซึ่งอาจจะเป็นกองทุนต่างชาติหรือเปล่าก็ไม่รู้ โดยอัตราการใช้สิทธิที่1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1.0327 หุ้นสามัญในราคาหุ้นละ 12.589 บาท เท่านั้น " นายวิชากล่าว
อนึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ตามใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทหรือ MAJOR-W1 ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ได้กำหนดเวลาการยื่นความจำนงการใช้สิทธิสำหรับเดือนมิถุนายน 2549 ให้ยื่นความจำนงระหว่างวันที่ 27-29 มิถุนายน 2549 และกำหนดการใช้สิทธิ เวลา 9.00 น. - 16.00 น. ของวันสุดท้ายของเดือน โดยเริ่มครั้งแรกวันที่ 31 มีนาคม 2548 และครั้งสุดท้ายในวันที่ 29 มกราคม 2550 ซึ่งเดือนมิถุนายน 2549 นี้วันกำหนดการใช้สิทธิคือ วันที่ 30 มิถุนายน 2549
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า หุ้นบิ๊กล็อตของบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ที่เกิดขึ้นวานนี้น่าจะเป็นรายการที่กองทุนต่างชาติเข้ามาซื้อลงทุน ภายหลังจากที่บริษัทฯได้ออกไปแนะนำข้อมูลหรือโรดโชว์ในต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุนหลายราย แต่ทางบริษัทฯก็ไม่ได้ขายให้ทุกราย โดยจะพิจารณาขายให้เฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่มีชื่อเสียง รายใหญ่จริง ๆ ที่ขอซื้อจำนวนมาก ๆ
"มีโบรกฯ หลายรายต่างจ้องซื้อหุ้นบริษัทเมเจอร์ซีเนเพล็กซ์ กันอย่างหนาแน่นทุกวัน มีออเดอร์ขอซื้อมาจากกองทุนต่างชาติ ทั้งจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แต่เท่าที่รู้เขาเลือกขายให้กับเจ้าที่มีแบรนด์เนมดี ๆ ที่ถือหุ้นยาวนาน เป็นพันธมิตร ไม่ได้ซื้อมาขายไป ซึ่งกองทุนที่เข้ามาขอซื้อส่วนใหญ่ต้องการจะซื้อเพื่อถือ Long term หมดเลย และ Fund ใหญ่ ๆ เขาถึงจะขายให้ ถ้าเป็น Fund เล็ก ๆ เขาไม่ขายให้"แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า สาเหตุที่กองทุนต่างชาติให้ความสนใจหุ้นบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เพราะตอนนี้ภาพธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์หรือบันเทิง โดยเฉพาะธุรกิจโรงภาพยนต์ในเอเชียกำลังเป็นที่จับตา และบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์จัดได้ว่าเป็นโรงภาพยนต์ที่ดีแห่งหนึ่งในเอเชีย อย่างไรก็ตาม รายการทำบิ๊กล็อตในครั้งนี้ คาดว่าบริษัทฯจะทำการแจ้งให้นักลงทุนทราบผ่านตลาดหลักทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST เปิดเผยว่า การที่มีการซื้อบิ๊กล็อตในของหุ้นของบริษัท บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 รายการจำนวน 12.10 ล้านหุ้น ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นกองทุน หรือเป็นนักลงทุนต่างประเทศ เข้ามาซื้อ เนื่องจากปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดมีจำนวนน้อย ทำให้ไม่สะดวกหาจะเข้ามาซื้อหุ้นในตลาด ดังนั้นจึงต้องมีการตกลงซื้อขายกัน
สำหรับแนวโน้มผลประการปี 2549 ของเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ มีการเติบโตที่ดีจากการที่บริษัทได้มีการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง ซึ่งภาพยนตร์ที่เข้ามาฉายในปีนี้ก็เป็นหนังที่ทำรายได้ดีซึ่งมีหลายเรื่อง และบริษัทจะมีรายได้รายการพิเศษจากการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงจากการที่เป็นผู้นำในธุรกิจด้านภาพยนตร์มีส่วนแบ่งการตลาด 74-75% ทำให้ได้ประโยชน์ในเรื่องการค่าโฆษณา โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้จำนวน 5,180 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 661 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีรายได้รวม 4,831.82 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 534.99 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์มีอัตราการเติบโตที่ดี จากการขยายงานด้านต่างๆและการลงทุน ดังนั้นบริษัทจึงแนะนำซื้อลงทุนโดยให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 17.80 บาท
ทั้งนี้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ปในปัจจุบันนี้ ณ วันที่ 14 มีนาคม 2549 ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างประเทศถือหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่ง 10 อันดับแรกประกอบด้วย นายวิชา พูลวรลักษณ์ ถือหุ้น 44.69% รองลงมาได้แก่ HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD ถือหุ้น 4.44%, GOLDMAN SACHS INTERNATIONAL ถือหุ้น 4.17%,บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 3.54% ,MORGAN STANLEY & CO INTERNATIONAL LIMITED ถือหุ้น 3.15%
นางภารดี พูลวรลักษณ์ ถือหุ้น 3.01%,OCBC SECURITIES PRIVATE LIMITED ถือหุ้น 2.82%, นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ถือหุ้น 2.68% STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR AUSTRALIA ถือหุ้น 1.95%และGOVERNMENT OF SINGAPORE INVESTMENT CORPORATION C ถือหุ้น 1.91%
สำหรับราคาหุ้นวานนี้(29มิ.ย.)หุ้นบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ราคาปิดที่ 16.70 บาทเพิ่มขึ้น 0.10 บาทหรือ 0.60% มูลค่าการซื้อขาย 18.77 ล้านบาท
|