|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"รับสร้างบ้าน" ฟุ้งตลาดอสังหาฯ ชะลอไม่กระทบ แจงยังมีคนสร้างบ้านราคาแพงอยู่ ชี้ช่องทางตลาดใหม่กลุ่มลูกค้าในโครงการจัดสรรเก่าเริ่มทุบบ้านเก่าทิ้งสร้างใหม่ เชื่ออีก 5 ปีเริ่มเห็นอีกเพียบ พร้อมระบุแบงก์ปล่อยกู้ง่ายและมากกว่าบ้านจัดสรรเหตุมีที่ดินค้ำประกันอยู่แล้ว
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรอยัล เฮ้าส์ จำกัด และนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังมีคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจบ้านจัดสรร เนื่องจาก 60% ของผู้ซื้อใช้เงินตัวเองแทนการกู้สร้างบ้านนอกจากนี้กลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้านส่วนใหญ่เป็นคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปซึ่งกลุ่มนี้จะมีเงินเก็บอีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่ยังมีที่ดินเป็นของตนเองหากต้องการใช้สินเชื่อก็เฉพาะสร้างบ้านเท่านั้น
สำหรับปัจจัยลบยังเป็นตัวเร่งการตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น เนื่องจากผู้บริโภครู้ว่าเมื่อราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง และราคาสร้างบ้านปรับสูงขึ้นตามและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หากตัดสินใจสร้างบ้านในวันนี้ย่อมถูกกว่าปีหน้าอย่างแน่นอน
นอกจากนี้สร้างบ้านเองกับซื้อบ้านในโครงการจัดสรรยังแตกต่างกันคือ สร้างบ้านเองจะเป็นผู้ที่มีที่ดินอยู่แล้วหากขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินจะได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่ดิน และส่วนใหญ่จะได้สินเชื่อ 100% ของราคาค่าก่อสร้าง ส่วนการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจัดสรรจะต้องวางเงินดาวน์ อีกทั้งสินเชื่อที่ได้จะมีวงเงินประมาณ 70-80% ซึ่งลูกค้าต้องมีเงินก้อน ซึ่งก่อนหน้านี้สถาบันการเงินไม่ค่อยรู้จักบริษัทรับสร้างบ้านเท่าใดนัก จะรู้เพียงว่าเป็นผู้รับเหมามากกว่า ทำให้ไม่ค่อยไว้วางใจเมื่อปล่อยสินเชื่อ แต่เมื่อมีการรวมตัวเป็นสมาคมทำให้เป็นที่รู้จักในนามขององค์กรวิชาชีพเกิดความไว้วางใจมากขึ้น การปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น
"ที่ผ่านมาตลาดบ้านจัดสรรชะลอลงอย่างมากซึ่งดูได้จากยอดขายของบริษัทเองมที่มีโครงการบ้านจัดสรรอยู่ คือบ้านราคา 3-5 ล้านบาท ชะลอตัว ในขณะที่บ้าน 5 ล้านบาทขึ้นไปแถบจะขายไม่ได้ แต่เมื่อมาดูลูกค้ารับสร้างบ้านกลับพบว่ายังมีลูกค้าสั่งสร้างบ้านราคา 5-10 ล้านบาทอยู่อย่างต่อเนื่อง และถ้าไปดูสถิติในอดีตแม้ว่าจะเกิดวิกฤตแต่ธุรกิจรับสร้างบ้านก็ยังคงโตอย่างต่อเนื่องแต่ไม่หวือหวาเท่านั้น ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดโดยรวมเป็นส่วนใหญ่ เป็นความต้องการที่แท้จริงมากกว่า และขึ้นอยู่กับว่าเราจะสร้างบ้านได้ถูกใจลูกค้าได้หรือไม่" นายศักดากล่าว
นายศักดา กล่าวว่าต่อว่า นอกจากการสร้างบ้านในที่ดินเปล่าของลูกค้าแล้ว เทรนด์การสร้างบ้านเริ่มมีทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มีช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงปีที่ผ่านมาพบว่า มีลูกค้าในบ้านจัดสรรโครงการเก่าๆ เริ่มทุบบ้านเดิมทิ้งแล้วสร้างใหม่ เนื่องจากต้องการขยายครอบครัว พื้นที่ประโยชน์ใช้สอยไม่เพียงพอเพราะการออกแบบในอดีตไม่ได้ให้ความสำคัญสำหรับเรื่องดังกล่าว หรือต้องการเปลี่ยนบ้านใหม่เพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น
ทั้งนี้การเปลี่ยนบ้านใหม่นี้จะพบในโครงการจัดสรรเก่าอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเชื่อว่าบริษัทรับสร้างบ้านจะมีลูกค้าในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องโครงการจัดสรรเริ่มเกิดเมื่อประมาณ 25 ปีที่ผ่านมา โครงการสร้างบ้านแม้ว่าจะยังสามารถใช้งานได้แต่พื้นที่อื่นเริ่มทรุดโทรม ซึ่งช่วงเวลาที่จะต้องเริ่มเปลี่ยนจะประมาณ 30 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามการสร้างบ้านโดยความเป็นจริงสามารถอยู่ได้นานถึง 50-100 ปี
"อีก 5 ปี ต่อจากนี้จะเริ่มเห็นคนที่อาศัยอยู่ในบ้านจัดสรรที่มีอายุนานกว่า 20 ปีเริ่มทุบบ้านเก่าทิ้งทำใหม่ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีลูกค้ากลุ่มนี้มากน้อยแค่ไหน เพราะในความเป็นจริงตัวโครงสร้างบ้านจะอยู่ได้เป็น 100 ปี แต่ที่เปลี่ยนเพราะต้องการขยายและเพื่อให้ทันสมัย และจะเริ่มเห็นเทรนด์นี้เป็นเอเรีย เช่น ย่านนนทบุรี ชินเขต เสนา โชคชัยสี่ เพราะย่านดังกล่าวมีบ้านจัดสรรเกิดขึ้นเป็นที่แรกๆของไทย" นายศักดา กล่าว
นอกจากนี้ จะเริ่มเห็นสถาบันการเงินนำที่ดินเปล่าออกมาให้บริษัทรับสร้างบ้านหรือผู้รับเหมาเข้าไปทำการก่อสร้างแล้วขายเป็นโครงการ หรือขายให้กับลูกค้าและพ่วงกับการสร้างบ้านให้ เพราะปัจจุบันที่ดินเปล่าในสถาบันการเงินมีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งราคาขายของสถาบันการเงินยังถูกมาก อีกทั้งยังสามารถซับพอร์ตในเรื่องของสินเชื่อได้อีกด้วย จึงทำให้เชื่อว่าตลาดนี้จะเริ่มมาแรงในระยะเวลาอันใกล้
|
|
|
|
|