|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นวิตกอัยการสั่งยุบ 5 พรรค "ก้องเกียติ" ชี้แม้ว่าจะกระทบไม่มากแต่ควรจะจบได้ซักที ขณะที่บล.ทิสโก้ ระบุ 1-2 เดือนนี้ฝรั่งยังไม่กลับลำไล่ซื้อหุ้นไทยแน่นอน ด้านตลท.หารือแบงก์ใหญ่ หวังดึงฐานลูกค้าภูธรเข้ามาระดมทุนในตลาดฯ มากขึ้น ระบุอาจต้องใช้เวลาอีกระยะ แย้มอยากให้มีการจัดสรรหุ้นให้นักลงทุนท้องถิ่น เผยตลาดทุน-ตลาดเงินต้องพึ่งพากัน
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (27 มิ.ย.) ตลอดช่วงเช้าดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนบวกก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงหลังโฆษกสำนักงานอัยการแถลงอัยการมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักไทย-ประชาธิปัตย์และพรรคขนาดเล็กอีก 3 แห่งก่อนส่งผลสรุปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป ขณะที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 659.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.42 จุด หรือ 0.06% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 667.17 จุด และจุดต่ำสุด 657.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,674.81 ล้านบาท นักลงทุนซื้อสุทธิ 199.14 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 366.62 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 565.76 ล้านบาท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า จาการที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยและประชาธิปัตย์ พร้อมพรรคเล็กอีก 3 พรรคนั้น ไม่มีผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยเพราะ ดัชนีก็สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากการที่เป็นปัจจัยที่มีการรับรู้ไปแล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่การเมืองไทยออกมาในลักษณะนี้ ทำให้ไม่มีการเลือกตั้งเหมือนเดิม
"ทำไมไม่เปิดให้ทุกพรรคเข้ามาลงเลือกตั้งให้จบๆไปซะที เหตุการณ์เป็นอย่างนี้เมื่อไรจะมีการจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร ผลกระทบเกิดขึ้นกับการลงทุนใหม่ ทำให้ไม่มีการลงทุนเพิ่ม นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ความสามารถในการแข่งขันก็ถดถอยไป"นายก้องเกียรติกล่าว
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ข่าวการยุบพรรคการเมืองส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองต่อไป ตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวไม่มากนัก หากปรับตัวลดลงคงจะลงไม่มาก และการปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะนี้ตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงในเรื่องเศรษฐกิจ
ดังนั้นในอีก 1-2 เดือนนี้ เม็ดเงินต่างประเทศจะไม่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะบรรดาผู้จัดการกองทุนจะมีการตัดสินใจลงทุนจะพิจารณาตลาดที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ทั้งนี้การที่ต่างประเทศจะเข้ามาลงทุนก็จะเลือกลงทุนเฉพาะในหุ้นที่ขนาดใหญ่ มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี เท่านั้น เนื่องจากต้องลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและมีการดำเนินงานที่ดี
นายสาธิต วรรณศิลปิน รองกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนในเรื่องการเมือง จะทำให้การอนุมัติงบประมาณภาครัฐปี 2550 อาจจะต้องเลื่อนออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะมีการอนุมัติในเดือน เม.ย.ปี50 ประกอบงบประมาณค้างจ่ายของรัฐบาลขณะนี้อยู่ที่ 6 แสนล้านบาท ซึ่งภาครัฐบาลควรที่จะเร่งนำงบประมาณค้างจ่ายดังกล่าวมาใช้
สำหรับผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่มาก เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศได้มีการขายออกมาจำนวนมากแล้ว ซึ่งตลาดหุ้นระยะสั้นขณะนี้กำลังรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ว่าจะออกมาทิศทางใด ซึ่งตลาดหุ้นไทยขณะนี้มีค่าP/E 8 เท่า มีผลตอบแทนจากการลงทุน 12% ซึ่งถือว่าสูงมาก
ตลท.บุกภูธรต้อนบริษัทเข้าจดทะเบียน
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้ร่วมหารือกับผู้บริหารธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบด้วย ธนาคารทหารไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย เพื่อขอข้อมูลและรายชื่อเกี่ยวกับลูกค้าของธนาคารแต่ละแห่งที่มีแนวโน้มต้องการเงินทุนเพิ่มเพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ
ทั้งนี้ หลายบริษัทได้มีการกู้ยืมเงินจากธนาคาร แต่อาจจะไม่เพียงพอ ตลาดหลักทรัพย์จึงหวังที่จะชักชวนบริษัทเหล่านั้นมาใช้ช่องทางในการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ซึ่งจะช่วยลดภาระความเสี่ยงของธนาคารและยังช่วยในเรื่องไม่เพิ่มภาระดอกเบี้ยจ่ายที่บริษัทจะต้องจ่ายให้สถาบันการเงิน รวมถึงจะไม่เพิ่มตัวเลขอัตราหนี้สิ้นต่อทุนของบริษัทให้สูงเกินไปด้วย
"เราเห็นว่ามีหลายบริษัทที่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ซึ่งทำให้เราอยากดึงบริษัทเหล่านั้นเข้ามาจดทะเบียนให้เพิ่มมากขึ้น แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกซักระยะซึ่งการได้คุยกับผู้บริหารของธนาคารถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว"นางภัทรียากล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมที่ตลาดหลักทรัพย์สนใจจะดึงเข้ามาจดทะเบียนยังมีอีกหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมกับเพื่อนบ้านฝั่งเวียดนาม ลาว ก็ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรม ภาคใต้ยังมีอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารทะเล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การดึงบริษัทนอกตลาดเข้ามาจดทะเบียนอาจจะต้องใช้เวลาในการเตรียมข้อมูล และศึกษารวมถึงการพูดคุยกับเจ้าของและผู้บริหารของบริษัท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์อาจจะมีการหารือในทีมงานเพื่อตั้งเป้าจำนวนบริษัทใหม่ในต่างจังหวัดที่จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งหากมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์มีแนวคิดที่อยากจะให้บริษัทที่อยู่ในต่างจังหวัดที่สนใจจะเข้ามาระดมทุนให้มีการจัดสรรหุ้นที่นำเสนอขายต่อประชาชนให้กับนักลงทุนในท้องถิ่นด้วยเพื่อสร้างฐานะนักลงทุนกลุ่มใหม่อีกทาง
นายเก่งกล้า รักเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดเงินและตลาดทุนมีความสัมพันธ์กันทางด้านธุรกิจ บริษัทที่ต้องการขยายการลงทุนการกู้เงินจากธนาคารเป็นแนวทางที่บริษัทต่างๆเลือกที่จะปฎิบัติแต่อีกแนวทางหนึ่งเมื่ออัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทนั้นๆสูงเกินกว่าจะควรจะเป็นการระดมทุนกับตลาดทุนก็เป็นแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ ตลาดทุนถือว่าเป็นแหล่งระดมทุนที่เอื้อประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบริษัทที่จะได้รับเงินจาการระดมทุน ธนาคารซึ่งเป็นเจ้าหนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงเนื่องจากหากต้องปล่อยกู้เพิ่มเติมภาระความเสี่ยงก็จะต้องสูงขึ้นด้วย ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ก็จะมีสินค้าใหม่ๆเข้ามาให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนมากขึ้น
|
|
 |
|
|