Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 มิถุนายน 2549
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างดิ้นพล่านงานในมือลดหลังโปรเจกต์ภาครัฐถูกแช่แข็ง-อสังหาฯซบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอสคอน คอนสตรัคชั่น

   
search resources

Real Estate
แอสคอน คอนสตรัคชั่น, บมจ.




จับงานในมือ(Backlog)ของบริษัทรับเหมาลดลง โดยเฉพาะบริษัทที่ยึดงานภาครัฐเป็นหลัก หลังปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจไม่นิ่ง ซ้ำร้ายงบประมาณลงทุนเมกะโปรเจกต์ถูกเลื่อนออกไป ฟุ้งปี 2550 โครงการก่อสร้างภาครัฐที่ถูกแช่แข็งจะถูกปัดฝุ่นอีกครั้ง ส่วนงานก่อสร้างภาคอสังหาฯยังซบเซาตามสภาพตลาด ด้านแอสคอนฯจ่อเซ็นสัญญางานใหม่เกือบ 1,000 ล้านบาท

บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รายงานคาดการณ์ภาวะธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 2549 ช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จากข้อมูลรายงานดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจสาขาก่อสร้างของกระทรวงพาณิชย์ล่าสุด มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44.5 % ซึ่งถือว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง สาเหตุหลักยังคงเป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งส่งผลให้โครงการลงทุนในภาครัฐ รวมถึงโครงการประเภท เมกะโปรเจกต์มีการเลื่อนการใช้งบประมาณออกไป ขณะเดียวกันในส่วนของงานก่อสร้างในภาคเอกชนมีแนวโน้มการชะลอตัวเช่นกัน หลังจากที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง เนื่องมาจากวิกฤตทางการเมือง การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจที่จะเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยหรือการลงทุนเพิ่ม

สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี49 คงต้องมีการปรับตัวในหลายด้านเพื่อรองรับการชะลอตัวของตลาดในช่วงนี้ โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่อิงอยู่กับโครงการในภาครัฐบาลเป็นหลักจะได้รับผลกระทบจากตัวเลขงานในมือ(Backlog) ที่ลดต่ำลงกว่าประมาณการที่คาดไว้

บริษัทฯ คาดว่าสถานการณ์ในลักษณะนี้น่าจะกินระยะเวลาสั้น ๆ และเป็นผลกระทบที่ไม่รุนแรงมากนัก โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่มีมูลค่าไม่สูงมาก แต่ส่วนใหญ่ยังคงมีแผนงานก่อสร้างเช่นเดิม คาดว่า ในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปีงบประมาณใหม่โครงการต่าง ๆ ในภาครัฐที่ถูกเลื่อนออกไปจากปี 2549 จะกลับเข้ามาอยู่ในแผนงานก่อสร้างอีกครั้งซึ่งจะทำให้ในปี 2550 ตลาดรับเหมาก่อสร้างน่าจะกลับเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้

ขณะที่ในส่วนของตลาดการก่อสร้างในภาคอสังหาริมทรัพย์คาดว่า การขยายตัวในช่วงนี้คงเป็นไปตามภาวะกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง โดยผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ ช่วงนี้คงต้องมีการบริหารและจัดการด้านต้นทุนให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่มีการรับงานมาก่อน ที่ราคาน้ำมัน และวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวสูงขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดได้

แอสคอนฯขยายฐานลูกค้าสร้างรายได้เพิ่ม

นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอสคอน ฯ กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดมีการชะลอตัวเช่นนี้ นอกจากการบริหารและจัดการกับต้นทุนแล้ว ที่สำคัญคงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางใหม่ๆ โดยในส่วนของบริษัทฯ ได้มีการปรับแนวทางมาตั้งแต่ช่วงต้นปี จากเดิมรับงานในภาคเอกชนเป็นหลักหันมาเข้าประมูลโครงการในภาครัฐเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดคือ การก่อสร้างโครงการบ้านธนารักษ์ ของกรมธนารักษ์มูลค่า 495 ล้านบาท

"ตอนนี้คาดว่าตลาดยังไม่ส่งผลกระทบที่ชัดเจนมากนัก โดยเฉพาะกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่มีขนาดไม่ใหญ่ ปัญหาตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องการบริหารและจัดการกับต้นทุนมากกว่า ขณะที่บริษัทผู้รับเหมาขนาดใหญ่อาจได้รับผลกระทบพอสมควรจากตัวเลข Backlog ที่ต้องมีการประเมินกันใหม่ จนกว่าเรื่องของการเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้" นายพัฒนพงษ์ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์)บริษัทรับเหมาเอกชนที่ได้ใบอนุญาต(ไลเซ่นส์ )เพื่อประมูลงานภาครัฐได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งใช้งบประมาณลงทุนครั้งนี้ประมาณไม่เกิน10 ล้านบาท และหลังจากได้ไลเซ่นส์ใหม่ในครั้งนี้ จะสามารถเข้าประมูลงานภาครัฐบาลได้ทันที โดยบริษัทตั้งเป้ารับงานจากภาครัฐไว้ที่ประมาณ 500- 1,000 ล้านบาท ทุกปี

โดยภายในเดือนมิ.ย.นี้ บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอการเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 900 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท โรงงาน 1 โครงการ มูลค่า 60 ล้านบาท งานคอนโดฯของภาครัฐ 1 โครงการ มูลค่า 130 ล้านบาท และโครงการอาคารสูงที่อยู่ระหว่างสรุปผลขั้นสุดท้ายอีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้จากจำนวนงานใหม่ที่ทยอยรับเข้ามาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้มีมูลค่างานในมือ ณ ปัจจุบัน เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3,700 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us