"พฤกษา" ยอดขายบ้านครึ่งปีทรงตัว ระบุโชคดีปรับทิศธุรกิจบุกตลาดล่างทันก่อนโตติดลบ ชะลอแผนบุกเซกเมนต์อื่นป้องกันความเสี่ยงหันพัฒนาตลาดที่มีความชำนาญ รอสบโอกาสเหมาะบุกต่อ แนะเอกชนปรับตัวเร็วทันสถานการณ์ แจงรายได้จากการขายอยู่อันดับ 3 ของตลาด ส่วนกำไรไล่บี้อันดับ 1 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ที่มีปัจจัยลบจากหลายทิศทาง ส่งผลให้กำลังซื้อหดตัวอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะบ้านระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นหากผู้ประกอบการรายใดปรับตัวได้เร็วก็จะสามารถอยู่รอดในตลาดได้ หรือมียอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่องแทนที่จะเป็นการติดลบ
"ในภาวะแบบนี้ทั้งดอกเบี้ย น้ำมัน กระทบหมดทุกคนต้องปรับตัวให้เร็ว ในส่วนของเราเองได้ปรับตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งการสร้างโรงงานพรีแคช ดูแลเรื่องต้นทุน เราทำบ้านสั่งสร้าง ซื้อเท่าไหร่สร้างเท่านั้น ทำให้ไม่มีสต๊อกส่วนเกิน สร้างเร็วโอนเร็ว ลุกค้ากู้เงินได้เร็วเราก็เสี่ยงน้อย ตอนนี้แคชโฟว์เรามี 1,000 ล้านบาท" นายประเสริฐกล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มเซกเมนต์ของตลาดที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเกิดภาวะการชะลอตัวจึงยังคงชะลอแผนไว้ก่อน ซึ่งในภาวะเช่นนี้ทุกบริษัทควรพัฒนาหรือทำให้สิ่งที่บริษัทมีคำชำนาญมากกว่าที่จะหากตลาดใหม่เพื่อป้องกันความเสี่ยง แล้วจึงค่อยหาโอกาสที่เหมาะสมในการพัฒนา
โดยยอดขายของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกคาดว่าจะมียอดขายใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2548 ที่มียอดขาย 3,868 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท ปีที่แล้วทำได้ 7,620 ล้านบาท
สำหรับในช่วงไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้ 2,076 ล้านบาท กำไรสุทธิ 369 ล้านบาท มีกำไรเป็นอันดับสองของตลาดรองจากบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่มีกำไรสุทธิ 731 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ยอดขายลดลงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับในส่วนของรายได้หากเทียบในไตรมาส 1 บริษัทอยู่ในอันดับ 3 รองจากแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่มีรายได้ในไตรมาส 1 จำนวน 3,969 ล้านบาท และแสนสิริ 2,282 ล้านบาท ในส่วนของกำไรสุทธิ/ทรัพย์สินรวม บริษัทอยู่อันดับ 2 คือ 0.15 รองจาก บมจ.ศุภาลัย 0.17 อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพการใช้ทรัพย์สินหรือรอบการใช้ทรัพย์สินรวมบริษัทเป็นอันดับ 1 คือ 0.87 ในขณะที่บมจ.ศุภาลัยเป็นอันดับ 2 ที่ระดับ 0.60
"ในภาวะอย่างนี้ใครทำได้เท่ากับปีที่แล้วก็เก่งแล้ว เพราะมันมีแต่ปัจจัยลบ ส่วนเราเองทำได้ไม่ต่ำกว่าไตรมาส 1 เราก็โครตเฮงแล้ว เรายังทำกำไรขั้นต้นไว้ที่ 33.8% กำไรสุทธิ 17.7% ถ้าให้มองทั้งตลาดตอนนี้เรามีมาร์เก็ตแชร์ของบ้านเดียว 5.6% ส่วนทาวน์เราเป็นอันดับ 1 มาร์เก็ตแชร์ 46.3%" นายประเสริฐกล่าว
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามในปัจจุบันบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท ก็มีการชะลอตัวลงเช่นกัน ดังนั้นบริษัทจึงได้เพิ่มบ้านเดี่ยวในแบรนด์ใหม่ คือ พฤกษา วิลเลจ ระดับราคา 1.7 -2.2 ล้านบาท จากเดิมบริษัทจะมีบ้านเดี่ยวในแบรนด์ภัสสรระดับราคา 2.1 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากความต้องการของผู้บริโภคแล้วว่าสาเหตุที่บ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาททำไม่จึงชะลอตัวลงทั้งที่น่าจะเป็นตลาดใหญ่และมีความต้องการสูงสุด โดยพบว่า บ้านระดับราคา 1.7-2.2 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ของบริษัทที่เช่าบ้านอยู่อาศัยต้องการ เพราะราคาค่าเช่าบ้านจะไม่แตกต่างมากนักกับราคาผ่อนบ้าน โดยค่าผ่อนบ้านประมาณ 10,000 บาท/เดือน ซึ่งปีนี้บริษัทพัฒนาบ้านในแบรนด์พฤกษา วิลเลจ 4 โครงการ จำนวน 1,518 ยูนิต มูลค่า 2,848 ล้านบาท
"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเรามีการปรับพอร์ตลดสัดส่วนบ้านเดี่ยวลงจากปีที่แล้วที่มีการพัฒนาทาวน์เฮาส์ 57% บ้านเดี่ยว 43% โดยในปีนี้จะเพิ่มทาวน์เฮาส์เป็น 63% บ้านเดี่ยว ซึ่งถือเป็นการรองรับตลาดได้ในช่วงที่เหมาะสม ทำให้ยอดขายบริษัทไม่หดตัวแม้จะอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งตลาดนี้ยังไม่มีใครกล้าลงมาเล่นเพราะมีข้อจำกัดมาก ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจริงๆ"
|