|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กรกฎาคม 2549
|
|
หมายเหตุ : ข้อเขียนชิ้นนี้คัดย่อมาจากข้อสังเกตของผม ที่วิจารณ์งานวิจัยเกี่ยวกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (CPB) ของจุฬาฯ ในวงแคบๆ เมื่อปลายปีที่แล้ว เห็นว่าทันสมัยและสอดคล้องกับนัยของสถานการณ์ปัจจุบัน
การอรรถาธิบายยุทธศาสตร์ CPB ในปัจจุบัน มีความซับซ้อนมากพอควร คำว่า "ทุน" ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การเมืองที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว คงจะไม่สามารถทำให้เรื่องนี้น่าสนใจ และสมเหตุสมผลได้เท่าที่ควร แนวคิดว่าด้วย "ทุน" ที่มีพัฒนาการอย่างมาก ควรให้ความสำคัญกลไกซับซ้อน การจัดการ และองค์ความรู้ และโดยเฉพาะการพัฒนาทางเทคโนโลยี ที่สำคัญทุนมีพลวัตสัมพันธ์กับระบบสังคมเศรษฐกิจ ตั้งแต่ระดับชุมชน ภูมิภาค และระดับโลก แนวคิดนี้น่าจะสอดคล้องกับสภาพสังคมไทยปัจจุบัน มิฉะนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะตอบคำถามได้อย่างครอบคลุม
ยิ่งไปกว่านั้นผมเชื่อว่า ผลของการศึกษาวิจัยย่อมมีบทเรียนที่ผมเรียกว่า "ทุนแห่งความรู้" ที่มีคุณค่าของสังคมด้วย
จากการศึกษาพัฒนาการ CPB อย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี บทเรียนสำคัญบทหนึ่ง คือ การสะสมและพัฒนาของทุนที่ไม่มี "องค์ความรู้" เป็นผลที่เกิดขึ้นมา เช่นเดียวกับตัวเลขของสินทรัพย์ กำไร หรือ "ความยิ่งใหญ่" และ "อิทธิพล" ของกลุ่มทุน การสะสมทุน และการพัฒนาเช่นว่านั้น ก็ดำเนินไปอย่างไม่ยั่งยืนเท่าที่ควร
60 ปีแรกของปูนซิเมนต์ไทยอยู่ภายใต้การบริหารของชาวเดนมาร์ก ในช่วงแรกการลงทุนเป็นเงินทุนของพระคลังข้างที่ แต่หากไม่มีชาวเดนมาร์กที่มีความรู้เรื่องการผลิตซีเมนต์ และเครือข่ายการเงิน เครือข่ายการค้าในยุคอาณานิคมหรือ European Age (ซึ่งระยะหลังๆ ผมชอบคำนี้) กิจการนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นและขยายตัว ในช่วงต่อมาหากคณะราษฎรไม่เข้ามาแทรกแซงกิจการนี้ โดยพยายามให้คนไทยเข้ามามีส่วนร่วมบริหาร ก็คงไม่มีความต่อเนื่อง เช่นเดียวกัน เมื่อมีการเพิ่มเติมด้วยมืออาชีพคนไทยที่มีประสบการณ์บริหารจากบริษัทต่างชาติในช่วงการขยายตัวตั้งแต่ปี 2515 ความต่อเนื่องของบุคลากรของเครือซิเมนต์ไทย น่าจะเป็นคำอธิบายที่มีน้ำหนักพอประมาณ ในการสะสมและพัฒนาทุนอย่างต่อเนื่องของเครือซิเมนต์ไทยมาจนถึงทุกวันนี้
ในอีกแง่หนึ่งตั้งแต่ปี 2535 มืออาชีพรุ่นใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ มีความเชื่อมั่นตนเองอย่างสูงว่า สามารถอาศัยความชำนาญด้านการเงินก้าวผ่านไปสู่การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสื่อสารมีเดียได้ ทั้งๆ ที่มีทุน และ "ความเชื่อถือ" สนับสนุนอย่างเต็มเปี่ยม แต่แล้วธุรกิจที่สร้างขึ้นใหม่ ล้วนมีปัญหาจนต้องถอนตัวออกมา ด้วยการลงทุนที่แทบจะเรียกได้ว่า สูญเปล่า ในที่สุด วันนี้เริ่มต้นใหม่ ใช้ความรู้จากสิงคโปร์ (กรณี Primus International) บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่ง CPB เองที่ไม่มีคนมีความรู้ด้าน Portfolio Management และ Property Investment จึงต้องใช้ฝรั่งที่มีประสบการณ์ด้านนี้ (ทั้งนี้ยังไม่รวมกรณีธนาคารไทยพาณิชย์เองก็จำเป็นต้องจ้างฝรั่งมาบริหารงานใหม่ๆ ด้วย) มาปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพและทันสมัย ดูเหมือนจะมีแนวทางเช่นเดียวกับ Crown Estate ของอังกฤษก็เป็นได้ (ดู www.crowne state.co.uk)
เครือซิเมนต์ไทยปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ภายหลังวิกฤติ ด้วยการถอนตัวออกจากธุรกิจยานยนต์ มิใช่เพราะธุรกิจไม่ทำกำไร หากเครือซิเมนต์ไทยมองว่าไม่สามารถเป็นเจ้าของหรือมีส่วนในทุนที่มีคุณค่าที่สุดของกิจการร่วมทุนเหล่านี้ได้ ในเรื่องตราสินค้าและการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
หลังวิกฤติการณ์ บุคลากรจากเครือซิเมนต์ไทยมีบทบาทต่อ CPB มากขึ้น แทนที่จะเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นกรณี ชุมพล ณ ลำเลียง (ความรู้นักการเงินของผู้กู้ คนละเรื่องกับความรู้นักการเงินของผู้ให้กู้) ในช่วงการแก้วิกฤติธนาคารไทยพาณิชย์จนถึงนักการเงินของเครือซิเมนต์ไทยคนหนึ่ง (อวิรุทธ์ วงศ์พุทธพิทักษ์) ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทเทเวศประกันภัยที่กำลังปรับปรุงกิจการ และเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ CPB ด้วย
นี่คือบทสรุปสำคัญที่ว่าด้วยการดำรงอยู่ของทุนรากฐานดั้งเดิมของสังคมไทย
คำว่า "ทุน" ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การเมือง ที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่เมื่อ 25 ปีที่แล้ว เกิดขึ้นจากภาพสะท้อนการเติบโตและยิ่งใหญ่ของธุรกิจครอบครัวไทย โดยมีระบบธนาคารครอบครัวเป็นแกนกลาง (อ่านในหนังสือ The Fall of Thai Banking) ความสำคัญจึงเน้นมาที่ "อำนาจของทุนภายใต้ระบบอุปถัมภ์ความคิด "นักคิดเก่า" ในยุคสงครามเวียดนามชุดนี้มีพลังไม่น้อย โดยถูกใช้มาอย่างเต็มที่ถึง 30 ปีแล้ว
การเสียสมดุลของสังคมไทยในบางช่วง บางครั้งอาจมาจากระบบความคิดที่ถูกใช้มานานเกินไป
|
|
|
|
|