Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2549
อาวุธใหม่โทรีเซนไทย             
โดย ณัฐวัฒน์ หอมจิตต์
 

 
Charts & Figures

ผลการดำเนินงานโทรีเซน ไทย เอเยนต์ซีส์


   
www resources

โฮมเพจ โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์-TTA

   
search resources

โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์, บมจ. - TTA
Logistics & Supply Chain




2 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นยุคทองของธุรกิจเรือสินค้า จากการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจโลก ผลักดันให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นชนิดก้าวกระโดด ช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเรือสินค้าพุ่งขึ้นตามไปด้วย

โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากปรากฏการณ์ดังกล่าว เห็นได้จากผลการดำเนินงานงวดปี 2547 และ 2548 ของบริษัท ซึ่งรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในอัตรา 119% และ 42% ตามลำดับ เช่นเดียวกับกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นถึง 331% และ 37%

อย่างไรก็ตาม ค่าระวางเรือที่ปรับลดลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้ผลการดำเนินงานของโทรีเซนไทยฯ ในปีนี้ทรุดลงตามไปด้วย ถึงแม้รายได้งวด 6 เดือนแรกจะยังคงเพิ่มขึ้นแต่เมื่อ หักค่าใช้จ่ายแล้วกำไรสุทธิกลับลดลงกว่า 44% (ดูรายละเอียดผลการดำเนินงานจากตารางประกอบ)

รายได้ของโทรีเซนไทยฯ ที่ผ่านมา ได้จากค่าระวางเรือในสัดส่วนเกินกว่า 90% มาโดยตลอด ในขณะที่ธุรกิจเดินเรือมีวัฏจักรขึ้นลง เพื่อลดผลกระทบจากการแกว่งตัวของผลดำเนินงานในช่วงขาลงของธุรกิจ โทรีเซนไทยฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ โดยเฉพาะบริการเรือขุดเจาะปิโตรเลียมกลางทะเล ผ่านทางบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด

เมอร์เมด มาริไทม์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2526 ให้บริการในธุรกิจพาณิชยนาวี ครอบคลุมตั้งแต่การบำรุงรักษาแพชูชีพและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในทะเล การตรวจสอบสภาพเรือใต้ผิวน้ำ งานบริการเทคนิคใต้น้ำโดยใช้นักประดาน้ำหรือเครื่องตรวจสอบระบบรีโมตคอนโทรล และในปีที่ผ่านมาได้ขยายธุรกิจไปสู่บริการเรือขุดเจาะปิโตรเลียมกลางทะเล ด้วยการซื้อเรือขุดเจาะปิโตรเลียม 2 ลำ ในเดือนเมษายนและกรกฎาคม

โทรีเซนไทยฯ เข้าถือหุ้นเมอร์เมด มาริไทม์ ตั้งแต่ปี 2538 และปีที่ผ่านมาได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 63.14%

"การลงทุนในเมอร์เมดฯ เป็นยุทธศาสตร์ของทีมบริหาร เพราะธุรกิจขนส่งจะขึ้นๆ ลงๆ เมอร์เมดฯ จะเป็นตัวช่วยให้รายได้ของเราสม่ำเสมอ ขึ้น" นุช กัลยาวงศา ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี/การเงิน โทรีเซนไทยฯ กล่าว

โทรีเซนไทยฯ เชื่อว่าธุรกิจดังกล่าวมีอนาคตดี จากแนวโน้มของธุรกิจพลังงานที่มีทีท่าว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นไปอีกหลายปี ประกอบกับเรือขุดในลักษณะเดียวกับที่เมอร์เมดฯ ดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นเรือขุดที่ใช้ในทะเลที่มีคลื่นลมสงบและมีความลึกของทะเลไม่มากนักมีเพียง 22 ลำทั่วโลกเท่านั้น จึงน่าจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุนภายในไม่เกิน 6 ปี ขณะนี้เรือทั้ง 2 ลำ มีลูกค้าเช่าไปจนถึงไตรมาส 4 ของปี 2552 แล้ว โดยอัตราค่าเช่าเรือดังกล่าวในปัจจุบันอยู่ในช่วงวันละ 40,000-44,000 เหรียญ และจะเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 55,000 เหรียญในปี 2552

ผลการดำเนินงานของเมอร์เมดฯ ในงวดไตรมาส 2 สร้างส่วนแบ่งรายได้ให้กับโทรีเซนไทยฯ 607 ล้านบาทและมีส่วนแบ่งกำไรสุทธิ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาสแรกที่มีส่วนแบ่ง 341 ล้านบาท และ 52 ล้านบาทตามลำดับ และคาดการณ์ว่ายอดรายได้รวมของเมอร์เมดฯ ในปีนี้จะมีถึง 3,000 ล้านบาท

"ปีหน้าเมอร์เมดฯ จะมี growth ประมาณ 20% และคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้ จากเมอร์เมดฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของรายได้ทั้งหมด" นุชกล่าว

นอกจากเมอร์เมดฯ แล้ว โทรีเซนไทยฯ ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจต่อเนื่องจากการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนถ่ายสินค้าและลอจิสติกส์ ซึ่งขณะนี้มีโกดังให้เช่าอยู่ที่แหลมฉบัง ชลบุรี ซึ่งกำลังหาพื้นที่ก่อสร้างโกดังเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังให้ความสนใจในธุรกิจศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) อีกด้วย

สำหรับธุรกิจเดินเรือซึ่งเป็นธุรกิจหลักนั้น ผู้บริหารโทรีเซนไทยฯ เชื่อว่า อัตราค่าระวางในปีนี้ได้มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ค่าระวางเฉลี่ยวันละ 11,000 เหรียญ และในไตรมาส 3 น่าจะเพิ่มขึ้นอีกวันละ 200-300 เหรียญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ เพราะไตรมาส 3 และ 4 ถือเป็นช่วงที่ตลาดมีความต้องการสูง

กลยุทธ์สำคัญประการหนึ่งในการบริหารกองเรือของโทรีเซนไทยฯ คือ การแบ่งเรือออกให้บริการ 3 ลักษณะในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ การให้บริการแบบประจำเส้นทาง (Liner Service) การเช่าเหมาลำเป็นเที่ยว (Voyage Charter) และการให้เช่าเหมาเป็นระยะเวลา (Time Charter) โดยขณะนี้มีลูกค้าในส่วนของประจำเส้นทางคิดเป็นสัดส่วน 35-40% และการเช่าเหมาเป็นระยะเวลาอีก 42%

"การที่เราแบ่งสัดส่วนอย่างนี้ เวลาที่ค่าระวางตกเราก็ยังมีฐานลูกค้า liner อยู่กับเราอย่างน้อย 500-600 ล้านบาท ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็ไม่กระทบมาก เพราะลูกค้า 42% ที่เป็นการเช่า time charter ลูกค้าเป็นคนจ่ายค่าน้ำมันเอง"

ปัจจุบันกองเรือของโทรีเซนไทยฯ มีจำนวน 46 ลำ คิดเป็นระวางบรรทุกสินค้า กว่า 1.2 ล้านเดทเวทตัน มีอายุเฉลี่ยประมาณ 17 ปี คาดว่าในปีหน้าจะต้องซื้อเรือมาทดแทนที่ขายไปคิดเป็นขนาดระวาง 60,000 เดทเวทตัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us