โจนส์ แลงก์ วูทธั่น เป็นบริษัทโบรกเกอร์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังคงขึ้นชื่อในเมืองไทย
จากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่พลิกผันอยู่ตลอดเวลา ทำให้กลยุทธ์ในการเป็นตัวแทนการขายของโจนส์แลงก์
ก็ต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดคล้องและการดำเนินธุรกิจไม่สะดุดลงเช่นกัน
จากบริษัทที่เคยมีบทบาทอย่างมากในการเป็นโบรกเกอร์ขายพื้นที่เช่าอาคารสำนักงาน
และอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ขณะนี้งานที่มาแรงกลับเป็นงานทางด้านวิจัยและที่ปรึกษาและงานทางด้านประเมินราคาและทรัพย์สิน
สมพร บุรินทรากุล กรรมการของบริษัทซึ่งเป็นผู้ดูแลทางด้านงานวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินได้ให้เหตุผลว่า
ปัจจุบันการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความซับซ้อนมากขึ้น นักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทย
ก็คาดหวังว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล ทางด้านนักลงทุนชาวไทยเองก็จำเป็นต้องมีความรอบคอบมากเช่นกันเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการลงทุน
ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำโครงการจึงต้องการวิจัยความเป็นไปได้ของการลงทุนอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บางประเภทที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีเฉกเช่นในอดีต
ส่วนงานทางด้านประเมินมูลค่าทรัพย์สินนั้นมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นตามการพัฒนาที่เกิดขึ้นในตลาดทุน
โดยเป็นที่ยอมรับกันว่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหรือกำลังที่จะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
หรือบริษัทที่ออกตราสารแห่งหนี้บางประเภท รวมทั้งกองทุนรวมของอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกำลังจะได้รับการจัดตั้งขึ้น
ควรได้รับการประเมินโดยผู้ประเมินอิสระดังนั้น ความต้องการต่อบริการทางด้านวิชาชีพด้านนี้จึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภาพการเติบโตที่เห็นได้ชัดเจนของงานประเภทนี้คือจากทีมงานเพียง3-4 คนเท่านั้นในปี
2532 ปัจจุบันนี้ทีมงานทางด้านวิจัยได้เพิ่มขึ้นถึง 11 คน ในขณะที่ทีมงานทางด้านประเมินราคาเพิ่มเป็น
30 คน ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ก็คือเมื่องานขยายเพิ่มปริมาณมากขึ้นขนาดต่อชิ้นก็ใหญ่ขึ้นแต่คนทำงานกลับมีไม่เพียงพอ
"ต้องยอมรับเลยว่าเราขยายงานลำบากเพราะขาดคนบ้านเราไม่มีหลักสูตรทางด้านสาขานี้ในมหาวิทยาลัย
บริษัทจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนาคน" สมพรย้ำ
จากภาวะการขาดแคลนบุคลากรทางด้านบริการทางวิชาชีพด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนส์
แลงก์ฯ จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่มีการยอมรับกันว่ามีความสามารถในเรื่องนี้มาก
จัดหลักสูตรการฝึกอบรมทางด้านวิชาชีพขึ้นเพื่อช่วยพัฒนาความรู้ให้แก่พนักงานของโจนส์
แลงก์ฯ ทั่วเอเชีย โดยเริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2535
สำหรับในปีนี้หลักสูตรการฝึกอบรมดังกล่าว จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 โดยใน
3 ครั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ โจนส์ แลงก์ฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทไปเข้าร่วมหลักสูตรทั้งสิ้น
19 คน
งานทางด้านประเมินที่โจนส์แลงก์ฯ กำลังทำการประเมินอยู่ในตอนนี้ก็คือ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
โอเรียนเต็ล กรุ๊ป บริษัทแอลพีเอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค
ฯลฯ งานทางด้านวิจัยและที่ปรึกษาที่กำลังทำอยู่คือ ที่ดินของสมาคมศิษย์เก่าเทพศิรินทร์ของบริษัทมณียา
เรียลตี้ Time Station ของบริษัทธนายง โครงการบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล ของบริษัทแกนมิไร
อาร์คิเต็ค
งานอีกด้านหนึ่งที่ทางบริษัทกำลังให้ความสนใจไม่น้อยเลยก็คือ งานทางด้านบริหารอาคาร
แน่นอนว่าการบริหารอาคารเป็นสิ่งจำเป็นในระยะยาว แต่ทางเจ้าของโครงการย่อมมีข้อจำกัดทางด้านเวลาและความสามารถ
การว่าจ้างบริษัทที่เป็นมืออาชีพจะยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้น
เมื่อคราวขยายสาขาเข้ามาในเมืองไทยเมื่อประมาณปี 2533-2534 นั้น โจนส์แลงก์ฯ
มีบทาทอย่างยิ่งในเรื่องการขายตึกซึ่งเป็นพื้นที่ออฟฟิศ แต่เนื่องจากตลาดของออฟฟิศในช่วงนั้นกำลังบูมสุดขีด
ธุรกิจของการเป็นตัวแทนขายตึกก็เลยยังไม่มีความจำเป็นเท่าที่ควร ประกอบกับยังเป็นเรื่องใหม่ในยุคนั้นที่ต้องใช้โบรกเกอร์ต่างชาติ
ในปี 2534 โจนส์แลงก์ฯ ก็เลยขายพื้นที่ตึกไปได้เพียง 20,000 ตร.ม. และเพิ่มเป็น
40,000 ตร.ม.ในปี 2535 พอปี 2536 โบรกเกอร์ขายตึกเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อเจ้าของโครงการมากขึ้น
เพราะสภาพการแข่งขันที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นมีพื้นที่อาคารให้เช่าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากโจนส์แลงก์ฯ
เริ่มหาช่องทางใหม่คือการขายพื้นที่ทางด้านรีเทล ส่วนงานขายพื้นที่อาคารขายได้เพียง
48,000 ตร.ม.
ย่างเข้าปี 2537 การขายพื้นที่คอนโดที่อยู่อาศัยในตัวเมืองเริ่มเป็นที่นิยม
โจนส์แลงก์ฯ มีลูกค้ารายสำคัญๆ เข้ามาเช่น โครงการโกลด์ไพน์การ์เด้น โกลเด้นไพน์สวีท
ของคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ บริษัทแผ่นดินทองพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)
ในขณะเดียวกันงานขายพื้นที่ออฟฟิศ โจนส์แลงก์ฯ ยังมั่นใจว่าแม้พื้นที่ออฟฟิศจะยังคงโอเวอร์ซัปพลายไปอีกหลายปี
แต่การรับงานต้องดูเป็นดครงการๆ ไป อย่างเช่นโครงการเวิล์ดเทรด ทาวเวอร์
ที่เพิ่งตัดสินใจรับงานขายมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพตรงนั้นมาก
ทุกวันนี้บริษัทบริหารงานขายที่ผ่านยุคทองของอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ คงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตลอดเวลาเช่นกันเพียงแต่ว่าใครเริ่มปรับตัวก่อนย่อมได้เปรียบกว่าแน่นอน